เอเจนซีส์ - โจชัว หว่อง และผู้นำม็อบฮ่องกงอีก 2 คน ถูกศาลตัดสินในวันพุธ (2 ธ.ค.) ให้รับโทษจำคุกตั้งแต่ 7 เดือนจนถึง 13 เดือนครึ่ง ในความผิดกระทงต่างๆ สืบเนื่องจากการชุมนุมประท้วงอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมายบริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจเขตบริหารพิเศษฮ่องกงเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งพวกเขาได้ยอมรับสารภาพก่อนหน้านี้ ถือเป็นการลงโทษอย่างแข็งกร้าวที่สุดต่อแกนนำการประท้วงคนสำคัญในรอบปีนี้
หว่อง วัย 24 ปี ถูกดำเนินคดีพร้อมกับ 2 เพื่อนสนิท คือ อีแวน ลัม วัย 26 ปี และ แอกเนส โจว วัย 23 ปี ในข้อหาจัดการชุมนุมอย่างผิดกฎหมาย เข้าร่วมการชุมนุม และยุยงให้ผู้ประท้วงล้อมกองบัญชาการตำรวจฮ่องกงเมื่อวันที่ 21 มิถุนายนปีที่แล้ว โดยที่จำเลยทั้ง 3 ได้ยอมรับสารภาพผิดระหว่างการพิจารณาคดีของศาลในวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา และถูกนำตัวเข้าเรือนจำเพื่อรอให้ศาลกำหนดระวางโทษ
ในวันพุธ (2) ผู้พิพากษา หว่อง ซีไหล ตัดสินให้จำคุกหว่อง 13.5 เดือน ส่วนโจวที่ร้องไห้ระหว่างฟังคำวินิจฉัย ถูกตัดสินจำคุก 10 เดือน และ 7 เดือนสำหรับลัม
ปีที่ผ่านมา ฮ่องกงเผชิญการประท้วงครั้งใหญ่นาน 7 เดือน ซึ่งหลายครั้งมีผู้เข้าร่วมนับล้านคนและบ่อยครั้งได้ผันแปรกลายเป็นความรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ปักกิ่งยืนกรานปฏิเสธข้อเรียกร้องของผู้ประท้วงฮ่องกงที่ต้องการสิทธิ์ในการออกเสียงเลือกตั้ง รวมทั้งกล่าวหาว่ามีอิทธิพลต่างชาติโดยเฉพาะสหรัฐฯและอังกฤษเข้ามาแทรกแซง ขณะที่ทางการฮ่องกงก็เดินหน้าฟ้องร้องผู้สนับสนุนประชาธิปไตยในคดีอาญา ตลอดจนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ที่เข้มงวดขึ้น
เริ่มตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นมา เมื่อเกิดสถานการณ์โรคระบาดใหญ่ บวกกับความอ่อนล้าจากการประท้วงอันยืดเยื้อ ส่งผลให้กระแสการขัดยืนยุติลงและบ้านเมืองกลับสู่ความสงบ
กระนั้น ฮ่องกงยังคงแตกแยกอย่างหนัก โดยประชาชนจำนวนมากไม่เห็นด้วยที่ปักกิ่งขยายอิทธิพลครอบงำฮ่องกงซึ่งเป็นเขตกึ่งปกครองตนเองมากขึ้น ขณะที่จีนก็ไม่พอใจที่มีกระแสเรียกร้องให้แยกฮ่องกงออกไปเป็นเอกราช รวมทั้งฝ่ายตะวันตกเข้ามาสนับสนุนพวกผู้ประท้วงอย่างออกหน้าออกตา
หลังฟังคำตัดสิน หว่องบอกผ่านทนายความว่า แม้วันข้างหน้าจะยากลำบาก แต่ไม่ใช่จุดจบของการต่อสู้ เขาและผู้ประท้วงที่กล้าหาญอีกหลายคนจะเดินหน้าสู้ต่อจากในเรือนจำเพื่อประชาธิปไตยและเสรีภาพของฮ่องกง
ทั้งนี้ ผู้สนับสนุนหว่องและเพื่อนชุมนุมกันอย่างสงบในศาลก่อนการตัดสิน ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนปักกิ่งกลุ่มเล็กๆ รวมตัวหน้าศาลเรียกร้องให้ลงโทษสถานหนักกับจำเลยทั้ง 3 คน
หว่องและลัมเคยติดคุกมาแล้วหลายครั้งจากการเป็นแกนนำการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย ขณะที่ โจว ถือเป็นครั้งแรกที่เธอจะต้องกลายเป็นผู้ต้องขังเป็นระยะยาว ทั้ง 3 คนนี้ได้ร่วมเคลื่อนไหวต่อต้านจีนสนับสนุนประชาธิปไตยตั้งแต่ยังวัยรุ่น และประสบความสำเร็จในการเป็นแกนนำต่อต้านแผนเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาของฮ่องกงให้มีความเป็นชาตินิยมมากขึ้นในปี 2012
หว่อง ลัม และโจว ยังมีบทบาทโดดเด่นใน “ขบวนการร่ม” ในอีก 2 ปีต่อมา ซึ่งเป็นชุมนุมอย่างสันติ 79 วันโดยมีนักเรียนนักศึกษาเป็นแกนนำเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ในการออกเสียงเลือกตั้ง แต่ยุติลงด้วยความพ่ายแพ้ โดยแกนนำที่รวมถึงหว่อง ถูกตัดสินจำคุกและการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยหยุดชะงักไปหลายปีก่อนที่จะระเบิดขึ้นในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว จากความไม่พอใจที่รัฐบาลเตรียมอนุญาตให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีในจีน
ช่วง 7 เดือนนับจากนั้น ชาวฮ่องกงนับล้านออกไปรวมตัวบนถนนโดยอ้างกันว่าไม่มีแกนนำ ส่วนใหญ่นัดหมายผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยและต้องการให้ตำรวจแสดงความรับผิดชอบในการใช้ความรุนแรงกับผู้ประท้วง
นักเคลื่อนไหวอย่างหว่องและโจว ยังใช้สถานะความเป็นคนดังของตัวเองล็อบบี้ให้นานาชาติแซงก์ชันจีน สร้างความเดือดดาลอย่างยิ่งให้ปักกิ่ง และสื่อของทางการจีนตราหน้าคนเหล่านี้ว่า พวกทรยศชาติ
กระทั่งฤดูร้อนนี้ ปักกิ่งบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ที่ปูทางให้ตัวเองเข้าควบคุมฮ่องกงได้โดยตรง
ช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ถูกจับกุมกว่า 10,000 คน และนักเคลื่อนไหวแถวหน้ารวมทั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติฝ่ายค้านฮ่องกงจำนวนมาก ถูกดำเนินคดี
ไอแซค เฉิง เพื่อนของหว่องและอดีตรองประธานพรรคเดโมซิสโตที่ยุบไปแล้ว วิจารณ์ว่า การกดขี่ไม่ได้พุ่งเป้าที่นักเคลื่อนไหวคนสำคัญเท่านั้น แต่ยังมาจากทุกทิศทางและไล่จัดการประชาชนคนธรรมดาด้วย
นอกจากในคดีที่ถูกตัดสินเมื่อวันพุธ โจวยังถูกสอบสวนข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับต่างชาติผลักดันให้มีการลงโทษคว่ำบาตรจีน ส่วนหว่องเป็นหนึ่งในนักเคลื่อนไหวที่ถูกดำเนินคดีจากการจัดงานรำลึกการปราบปรามผู้ประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในปักกิ่งปี 1989
ยามินิ มิชรา ผู้อำนวยการในเอเชีย-แปซิฟิกขององค์การนิรโทษกรรมสากล วิจารณ์ว่า การพุ่งเป้าจัดการนักเคลื่อนไหวที่โด่งดังจากการประท้วงในฮ่องกง เป็นการเตือนว่า ใครก็ตามที่กล้าวิจารณ์ปักกิ่งอย่างเปิดเผยจะถูกจัดการเป็นรายต่อไป