สถานการณ์โควิดทั่วโลกยังน่าเป็นห่วง จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกทะลุ 60 ล้านรายแล้ว ขณะที่สหรัฐฯก็ทำสถิติยอดผู้เสียชีวิตวันเดียวกว่า 2,400 คน สูงสุดในรอบ 6 เดือน นับเป็นตัวเลขชวนพรั่นพรึง ขณะที่ชาวอเมริกันเป็นล้านๆ คนเดินทางไกลไปร่วมฉลองเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้ากับครอบครัว ด้านเกาหลีใต้ชักน่าห่วงมากขึ้นอีก พบเคสใหม่กว่า 500 คน เป็นครั้งแรกนับจากต้นเดือนมีนาคม
มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่า จนถึงเวลา 20.30 น. วันพุธ (25 พ.ย.) อเมริกามีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รวม 262,080 คน หรือเพิ่มขึ้น 2,439 คน ภายในรอบ 24 ชั่วโมง รวมทั้งพบเคสผู้ติดเชื้อรายใหม่เกือบ 200,000 คน
ตัวเลขซึ่งน่าตระหนกนี้ออกมา ขณะที่มีรายงานว่า การเดินทางกันเป็นจำนวนมากๆ ของชาวอเมริกัน เนื่องในเทศกาลวันหยุดขอบคุณพระเจ้า ซึ่งปีนี้ตรงกับวันพฤหัสบดี (26) เริ่มบางตาลง หลังจากไม่กี่วันที่ผ่านมา โซเชียลมีเดียต่างแห่แชร์ภาพสนามบินในสหรัฐฯจำนวนมาก มีคนแน่นขนัด กระตุ้นความกังวลว่าคนอเมริกันไม่ใส่ใจคำเตือนอย่าเดินทาง เพื่อสกัดการระบาดของไวรัสโคโรนา ถึงแม้สถานการณ์การระบาดยิ่งสาหัส และรัฐต่างๆ เร่งนำมาตรการป้องกันการแพร่เชื้ออย่างเข้มงวดกลับมาใช้กันใหม่
ทางด้าน โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีของอเมริกา กล่าวเมื่อวันพุธ ระหว่างการปราศรัยถ่ายทอดทางทีวี เนื่องในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ถึงแผนการแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโควิด ซึ่งคาดว่าจะเริ่มขึ้นได้ในเดือนหน้าว่า เป็นความหวังที่การดำเนินชีวิตของคนอเมริกันจะเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ และสำทับให้ประชาชนอย่าเพิ่งท้อแท้แต่ต้องป้องกันตนเองจากไวรัสต่อไป
“ผมรู้ว่าประเทศชาติของเรารู้สึกเหนื่อยล้ามากจากการต่อสู้นี้ แต่เราจำเป็นต้องจดจำว่า เรากำลังทำสงครามกับไวรัส ไม่ใช่ทำสงครามกับอีกคนหนึ่ง ไม่ใช่ทำสงครามระหว่างกัน” ไบเดนบอก พร้อมกับเรียกร้องชาวอเมริกันยอมละทิ้งการฉลองเทศกาลนี้ประเภทที่ผู้คนในครอบครัวต่างมารวมตัวชุมนุมกัน อีกทั้งจะต้องสวมหน้ากากป้องกัน ตลอดจนรักษาการเว้นระยะห่างทางสังคม
ทางด้านเอเชีย ที่เกาหลีใต้ สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี (เคดีซีเอ) แถลงว่า พบผู้ติดเชื้อ 583 คน ในวันพฤหัสฯ ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดนับจากวันที่ 6 มีนาคม และสถานการณ์การระบาดระลอก 3 ดูเหมือนเลวร้ายลงแม้มีการยกระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมก็ตาม
รัฐบาลเกาหลีใต้กลับมาบังคับใช้มาตรการดังกล่าวอย่างเข้มงวดในกรุงโซล และพื้นที่โดยรอบเมื่อต้นสัปดาห์ หรือหลังจากผ่อนคลายกฎราวหนึ่งเดือน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางคนวิจารณ์ว่า รัฐบาลผ่อนคลายกฎเร็วเกินไปและทำให้ประชาชนลดความระมัดระวังลง
เคดีซีเอแจงว่า ในบรรดาผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งหมด 553 คน เป็นการติดเชื้อในท้องถิ่น และเกือบ 73% อยู่ในโซลและปริมณฑล ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดสำหรับพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ยังเตือนว่า หากประชาชนยังไม่ปฏิบัติตามกฎเว้นระยะห่างทางสังคม จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันอาจพุ่งขึ้นเป็น 400-600 คนตลอดช่วงต้นเดือนหน้า
ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมโสมขาวก็สั่งยกระดับมาตรการป้องกันไวรัส หลังพบทหารใหม่หลายสิบคนในค่ายฝึกติดเชื้อ
การระบาดแบบกลุ่มก้อนยังเกิดขึ้นในเซานา โรงเรียนมัธยม สถาบันแอโรบิก โบสถ์ คาเฟ่สำหรับเด็ก และการรวมกลุ่มสังสรรค์ในหมู่เพื่อน
การระบาดในหมู่หนุ่มสาว ซึ่งหลายคนไม่แสดงอาการ ทำให้รัฐบาลเกาหลีใต้เรียกร้องให้นักเรียนหยุดไปเรียนกวดวิชา ก่อนที่จะมีการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในวันที่ 3 เดือนหน้า
นอกจากนั้น ยู อึนแฮ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธการ ยังขอให้ประชาชนงดเว้นกิจกรรมกลางแจ้งที่ไม่จำเป็นอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อให้นักเรียนราว 490,000 คนสอบเอนทรานซ์อย่างปลอดภัย
ล่าสุด เกาหลีใต้มีผู้ติดเชื้อสะสม 32,318 คน และเสียชีวิต 515 คน
สำหรับที่ยุโรป นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี แถลงเมื่อวันพุธ ขยายการใช้มาตรการสกัดโรคระบาดต่อไปอีกจนถึงปีหน้า และเตรียมหารือกับสมาชิกชาติอื่นๆ ของสหภาพยุโรป เพื่อปิดลานสกีจนถึงวันที่ 10 มกราคม หลังจากเมื่อวันอังคาร (24) ฝรั่งเศสเพิ่งประกาศแผนปิดรีสอร์ตสกีจนถึงสิ้นปี
นักท่องเที่ยวที่ติดเชื้อในรีสอร์ตสกีเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ไวรัสโคโรนาระบาดทั่วยุโรปเมื่อต้นปี
ทั้งนี้ ตัวเลขในเว็บไซต์ติดตามของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกเวลานี้เพิ่มเป็นกว่า 60 ล้านคน และเสียชีวิต 1.4 ล้านคน
(ที่มา: เอเอฟพี/รอยเตอร์/เอพี)