xs
xsm
sm
md
lg

เชื่อว่าที่รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา ช่วยฟื้นความสัมพันธ์วอชิงตัน-ปักกิ่ง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


(ภาพจากแฟ้ม) แอนโทนี บลิงเคน ซึ่งว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ จะเสนอให้รับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศในคณะบริหารของเขา
นักวิเคราะห์จีนลงความเห็น แอนโทนี บลิงเคน ว่าที่รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ของอเมริกา จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีในนโยบายต่อจีน จากแนวทางเดิมของทรัมป์ที่บางคนมองว่า เป็นการจุดชนวนสงครามเย็นรอบใหม่

เจีย ชิงกัว ศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง มองว่า บลิงเคน ซึ่งว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เสนอชื่อรับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่อเมริกันที่สามารถทำงานร่วมกับจีนเพื่อฟื้นเสถียรภาพความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และสำทับว่า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที แต่แน่ใจได้เลยว่า ดีกว่าไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศคนปัจจุบันของอเมริกาที่มีแนวทางสายเหยี่ยวและโจมตีปักกิ่งเป็นประจำ

เจียยังบอกอีกว่า บลิงเคนมีแนวโน้มนำวอชิงตันกลับสู่ยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศช่วงหลังสงครามคือ การสนับสนุนผลประโยชน์ของอเมริกาด้วยการรักษาระเบียบโลกที่เป็นประโยชน์สำหรับอเมริกา ซึ่งหมายความว่า นโยบายต่อจีนจะเป็นอย่างไร สามารถคาดเดาได้มากกว่าในยุคประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ลู่ เซียง ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ของอเมริกาจากบัณฑิตยสภาทางสังคมศาสตร์จีน ขานรับว่า หากบลิงเคนได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จะถือเป็นข่าวดีสำหรับปักกิ่ง และว่า บลิงเคนไม่ใช่คนที่ชอบหว่านเสน่ห์หรือยั่วยุ แต่เน้นการลงมือทำจริง

บลิงเคน วัย 58 ปี เป็นที่ปรึกษาให้ไบเดนมายาวนาน ซึ่งรวมถึงในตำแหน่งผู้ช่วยระดับสูงในคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์วุฒิสภาและที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติระหว่างปี 2009-2013 ที่ไบเดนรั้งตำแหน่งรองประธานาธิบดีในคณะบริหารของบารัค โอบามา

ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศในปี 2015-2017 บลิงเคนได้พบนักการทูตระดับสูงของจีนหลายคน เช่น หยาง เจียฉี ที่ปัจจุบันเป็นสมาชิกกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งคุมงานด้านการต่างประเทศ และหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศ

บลิงเคนยังได้พบไช่ อิงเหวิน ที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ในปี 2015 ซึ่งขณะนั้นไช่ยังเป็นแค่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวัน ก่อนได้ชัยชนะในการเลือกตั้งปีถัดมา ขณะที่ความสัมพันธ์วอชิงตัน-ไทเปอบอุ่นขึ้น

ก่อนหน้านี้ บลิงเคนเผยว่า ไบเดนจะมีปฏิสัมพันธ์กับจีนจาก “สถานะที่เป็นต่อ” และมุ่งเน้นฟื้นการทูตของอเมริกาและความสัมพันธ์กับพันธมิตร

เขายังยอมรับมุมมองที่เดโมแครตและรีพับลิกันเห็นพ้องกันว่า จีนคือความท้าทายหลัก และขอให้พันธมิตรร่วมมือในการเผชิญหน้ากับปักกิ่งในประเด็นต่างๆ เช่น แนวทางปฏิบัติทางการค้า

ในงานประชุมที่สถาบันฮัดสัน ซึ่งเป็นกลุ่มคลังสมองในวอชิงตัน เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บลิงเคนระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะเป็นเป้าหมายแรกในความสัมพันธ์กับต่างประเทศของไบเดน ขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกากล่าวระหว่างหาเสียงว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นส่วนสำคัญในการร่วมมือกับปักกิ่ง

อย่างไรก็ตาม ลู่ชี้ว่า บลิงเคน รวมถึงสมาชิกคนอื่นๆ ในทีมนโยบายต่างประเทศของไบเดน เช่น เจค ซัลลิแวน ลูกหม้อกระทรวงต่างประเทศที่เป็นตัวเก็งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติคนใหม่ ล้วนมีประสบการณ์ในตะวันออกกลางมากกว่าประสบการณ์ด้านความสัมพันธ์อเมริกา-จีน

เขายังตั้งข้อสังเกตว่า บลิงเคนเคยวิจารณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยีอย่างก้าวร้าวและเรียกจีนว่า “เผด็จการเทคโนโลยี” นอกจากนั้นระหว่างให้สัมภาษณ์ซีบีเอส นิวส์ในเดือนกันยายน บลิงเคนยังบอกว่า อเมริกาต้องปรับปรุงในด้านการเป็นผู้นำ การร่วมมือ การทำงานร่วมกับประเทศอื่นๆ ที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อกระจายอำนาจเพื่อให้แน่ใจว่า อเมริกาเป็นฝ่ายชนะ ไม่ใช่จีน

(ที่มา: เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์, เอเจนซีส์)

(ภาจากแฟ้ม) เจค ซัลลิแวน จะขึ้นเป็นที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ในคณะบริหารโจ ไบเดน
กำลังโหลดความคิดเห็น