เอเจนซีส์ - ไบเดน-แฮร์ริส เริ่มกระบวนการถ่ายโอนอำนาจจากทรัมป์ ตั้งเป้าแก้ปัญหาโรคระบาด เศรษฐกิจ เชื้อชาติ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นอันดับแรกๆ แต่ด้านทรัมป์ยังไม่ยอมรับความปราชัย พร้อมเตรียมฟ้องร้องเดโมแครตโกงเลือกตั้ง ขณะคนวงในทีมหาเสียงของเขายอมรับการดำเนินการทางกฎหมายไม่ได้หวังเปลี่ยนผลการเลือกตั้ง หากเพื่อให้ทรัมป์มีทางลงและรักษาฐานเสียงเอาไว้แม้ต้องพ่ายแพ้
ว่าที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน และ ว่าที่รองประธานาธิบดี คามาลา แฮร์ริส ของสหรัฐฯ ประกาศจะแถลงเกี่ยวกับการต่อสู้โรคระบาดและการฟื้นเศรษฐกิจในวันจันทร์ (9 พ.ย.) หลังได้รับฟังการบรรยายสรุปจากทีมที่ปรึกษาด้านโควิด-19
ทั้งคู่ยังเปิดเว็บไซต์สำหรับการถ่ายโอนอำนาจ ที่ใช้ชื่อว่า BuildBackBetter.com และฟีดทวิตเตอร์ @Transition46 โดยบนเว็บนี้ ไบเดนระบุเป้าหมายสำคัญ 4 อันดับแรกๆ ที่จะแก้ไขเยียวยา ได้แก่ โควิด-19 การฟื้นเศรษฐกิจ ความเท่าเทียมด้านเชื้อชาติ และการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และสำทับว่า จะจัดตั้งทีมถ่ายโอนอำนาจให้พร้อมจัดการความท้าทายเหล่านี้ตั้งแต่วันแรก ซึ่งหมายถึงวันที่ 20 มกราคมปีหน้าที่ไบเดนจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 ของอเมริกา
ไบเดนซึ่งจะมีอายุครบ 78 ปี ในวันที่ 20 เดือนนี้ จะเป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุดของอเมริกา ส่วน แฮร์ริส วัย 56 ปี จะเป็นรองประธานาธิบดีคนแรกที่เป็นผู้หญิงผิวดำและมีเชื้อสายอินเดีย
ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกาเตรียมประกาศรายชื่อทีมบริหารจัดการไวรัสโคโรนาในวันจันทร์ รวมทั้งประกาศว่า จะนำอเมริกากลับเข้าร่วมข้อตกลงปารีสเพื่อลดภาวะโลกร้อน และออกคำสั่งฝ่ายบริหารตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่งเพื่อยกเลิกคำสั่งแบนประเทศมุสลิมของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
ทางด้าน ทรัมป์ ในวันอาทิตย์ (8) ได้ออกเล่นกอล์ฟใกล้กรุงวอชิงตัน ซึ่งเป็นสนามเดียวกับที่ไปเมื่อวันเสาร์ (7) ตอนที่สื่อในสหรัฐฯพากันประกาศฟันธงว่า ไบเดนสามารถคว้าคะแนนคณะผู้เลือกตั้งได้ครบตามเกณฑ์ในการเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งแล้ว
ตอนเช้าวันอาทิตย์ (8) ทรัมป์ยังคงทวีตโวยว่า “สื่อเชยๆ มีหน้าที่ประกาศชื่อประธานาธิบดีคนใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่”
ในวันเดียวกันนั้น รูดี้ จูเลียนี ทนายความส่วนตัวของทรัมป์ เปิดเผยกับรายการซันเดย์ มอร์นิ่ง ฟิวเจอร์ส ของฟ็อกซ์ นิวส์ว่า ในวันจันทร์ทีมหาเสียงของทรัมป์มีแผนยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐเพนซิลเวเนียในข้อหาละเมิดสิทธิพลเมืองด้วยการจัดการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นกลางและละเมิดกฎหมายของรัฐ และจะตามด้วยมิชิแกนหรือจอร์เจียเป็นอันดับต่อไป
วันอาทิตย์เช่นกัน เมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ทวีตว่า ชาวอเมริกันควรได้รับสิทธิ์ในการเลือกตั้งที่เป็นธรรม และควรนับบัตรเลือกตั้งที่ถูกกฎหมายทั้งหมด ไม่ใช่บัตรที่ผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ ทีมหาเสียงของทรัมป์ประกาศว่า จะคัดค้านผลการนับคะแนนในหลายรัฐ ด้วยเหตุผลทั้งเรื่องที่เจ้าหน้าที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และมีการทุจริตฉ้อโกง อย่างไรก็ดี ทีมทรัมป์ยังไม่เคยแสดงหลักฐานให้เห็นกันชัดๆ รวมทั้งพวกเจ้าหน้าที่ในรัฐต่างๆ ซึ่งมีทั้งผู้ที่อยู่ในพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน ตลอดจนสื่อทั้งหลาย ก็ไม่เห็นว่า มีเหตุการณ์ผิดปกติอย่างกว้างขวางถึงขนาดอาจพลิกผลการนับคะแนนอย่างใหญ่โต
ทางด้าน จอร์จ ดับเบิลยู. บุช อดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ออกคำแถลงเมื่อวันอาทิตย์ว่า ผลการเลือกตั้งชัดเจนแล้ว และสำทับว่า เขาได้โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกับไบเดนและแฮร์ริสแล้ว
คำแถลงของบุชยังกล่าวว่า ชาวอเมริกาสามารถมั่นใจได้ว่า การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม และต้องร่วมมือกันเพื่ออนาคตของชาติ
สำหรับ ซีโมน แซนเดอร์ส ที่ปรึกษาอาวุโสของไบเดน แถลงตอบโต้ฝ่ายทรัมป์ว่า การฟ้องร้องของทีมหาเสียงทรัมป์เป็นยุทธศาสตร์ใช้กฎหมายที่ไร้สาระ
ขณะที่การนับคะแนนยังไม่ครบถ้วนทั้งหมด คาดการณ์กันว่า ไบเดนได้คะแนนจากผู้ออกเสียงรวม 74.6 ล้านคะแนน ส่วนทรัมป์ได้ 70.4 ล้านคะแนน ส่วนคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินแพ้ชนะกันจริงๆ นั้น ไบเดนได้ 279 คะแนน ส่วนทรัมป์ได้ 214 คะแนน นอกจากนั้น ไบเดนยังมีคะแนนนำในแอริโซนาที่มีคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง 11 คะแนน และจอร์เจีย 16 คะแนน ซึ่งหากชนะทั้งสองรัฐ ไบเดนจะได้ 306 คะแนน เท่ากับที่ทรัมป์เคยเอาชนะฮิลลารี คลินตัน เมื่อ 4 ปีที่แล้ว
ภายในรีพับลิกันมีวุฒิสมาชิกเพียง 2 คน คือ มิตต์ รอมนีย์ และลิซา เมอร์โคสกี ที่แสดงความยินดีต่อไบเดน โดยรอมนีย์นั้นบอกว่า ที่สุดแล้วทรัมป์จะยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และสำทับว่า อยากให้โลกเห็นการก้าวลงจากตำแหน่งอย่างสง่างาม แต่นั่นคงไม่ใช่นิสัยของทรัมป์
ทว่า ลินด์ซีย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกรีพับลิกันที่เป็นพันธมิตรของทรัมป์ กล่าวว่า ถ้าไบเดนชนะ เขาก็พร้อมร่วมงานด้วย แต่ตอนนี้เขาคิดว่า ทรัมป์ควรสู้ต่อ
ทางด้านทิม เมอร์ทอช โฆษกทีมหาเสียงของทรัมป์ เผยว่า ทรัมป์มีแผนเดินสายปราศรัยขอการสนับสนุนจากประชาชนเพื่อคัดค้านผลเลือกตั้ง โดยมีการจัดตั้งทีมเพื่อจัดการให้มีการนับคะแนนใหม่ในหลายรัฐแล้ว
อย่างไรก็ดี นอกจากพวกผู้เชี่ยวชาญต่างไม่เชื่อว่า ความพยายามฟ้องร้องของทรัมป์จะประสบความสำเร็จแล้ว สำนักข่าวเอพียังอ้างคำบอกเล่าของพวกเจ้าหน้าที่อาวุโส ผู้ช่วยในทีมหาเสียง และพันธมิตรหลายคนของทรัมป์ ที่พูดโดยขอให้สงวนนามว่า ประเด็นไม่ได้อยู่ที่การมีหลักฐานการโกงการเลือกตั้งอย่างชัดเจน แต่การฟ้องร้องมีเป้าหมายเพื่อให้ทรัมป์มีทางลงสำหรับความพ่ายแพ้ที่เขาไม่อาจยอมรับได้ มากกว่าต้องการเปลี่ยนผลการเลือกตั้ง รวมทั้งยังต้องการรักษาฐานเสียงเอาไว้แม้ทรัมป์เป็นฝ่ายแพ้การเลือกตั้งก็ตาม