จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ทั่วโลก พุ่งเกิน 50 ล้านคน เป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันอาทิตย์ (8 พ.ย.) จากการนับของรอยเตอร์ ในขณะที่การแพร่ระบาดของระลอกสองในช่วง 30 วันหลังสุด พบผู้ติดเชื้อคิดเป็น 1 ใน 4 ของยอดสะสมทั้งหมด
ตุลาคมกลายเป็นเดือนที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่เลวร้ายที่สุดจนถึงตอนนี้ โดยสหรัฐฯกลายเป็นประเทศแรกของโลกที่รายงานพบผู้ติดเชื้อมากกว่า 100,000 คนต่อวัน นอกจากนี้แล้ว วิกฤตการแพร่ระบาดระลอกสองในยุโรป ก็เป็นปัจจัยที่ส่งให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกพุ่งทะลุ 50 ล้านคนเช่นกัน
ตามรายงานของรอยเตอร์ระบุว่า นอกจากผู้เสียชีวิตข้างต้นแล้ว ยังมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แล้วมากกว่า 1.25 ล้านคน นับตั้งแต่มันอุบัติขึ้นในจีนเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว
สถานการณ์การแพร่ระบาดเลวร้ายลงอย่างมากในช่วงไม่ผ่านมา โดยโควิด-19 ใช้เวลา 32 คน ในการแพร่เชื้อสู่ประชากรโลก เพิ่มจาก 30 ล้านคน เป็น 40 ล้านคน แต่จากนั้นใช้เวลาอีกเพียงแค่ 21 วัน ในการแพร่เชื้อสู่ประชากรโลก เพิ่มอีก 10 ล้านคน
ยิ่งไปกว่านั้นค่าเฉลี่ย 7 วันหลังสุดพบว่ามีผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มขึ้นมากกว่า 540,000 คนต่อวัน
ยุโรป ซึ่งพบผู้ติดเชื้อราวๆ 12 ล้านคน กลายเป็นภูมิภาคทื่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดใหญ่เลวร้ายที่สุด แซงหน้าละตินอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ ยุโรป ยังมีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมคิดเป็น 24% จากผู้เสียชีวิตทั้งหมดทั่วโลกด้วย
จากการวิเคราะห์ของสำนักข่าวรอยเตอร์ พบว่า ยุโรปพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ราวๆ 1 ล้านคนในทุก 3 วันหรือราวๆ นั้น ซึ่งคิดเป็น 51% ของผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วโลก โดยฝรั่งเศส กลายเป็นชาติตกอยู่ในสถานการณ์น่ากังวล มีค่าเฉลี่ยผู้ติดเชื้อใหม่รอบ 7 วัน ที่อยู่ราวๆ 54,440 คน ถือเป็นอัตราที่สูงกว่า อินเดีย ชาติที่มีจำนวนประชากรเยอะกว่ามาก
ระลองสองของโควิด-19 ที่ระบาดทั่วโลก กำลังทดสอบระบบสาธารณสุขทั่วยุโรป กระตุ้นให้เยอรมนี, ฝรั่งเศส และ สหราชอาณาจักร ออกคำสั่งให้ประชาชนกักตัวอยู่แต่ในบ้านอีกรอบ
ส่วน เดนมาร์ก ซึ่งกำหนดล็อกดาวน์รอบใหม่บังคับใช้กับประชากรในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือของประเทศ ออกคำสั่งกำจัดตัวมิงค์มากกว่า 17 ล้านตัว หลังพบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่กลายพันธุ์ในตัวมิงค์และแพร่ระบาดสู่มนุษย์
สหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดเชื้อคิดเป็นราว 20% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดทั่วโลก กำลังเผชิญสถานการณ์เลวร้ายเช่นกัน หลังพบผู้ติดเชื้อมากกว่า 100,000 คนต่อวันในค่าเฉลี่ย 7 วันหลังสุด ในขณะที่ดินแดนแห่งนี้รายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวันมากกว่า 130,000 คนเมื่อวันเสาร์ (7 พ.ย.)
การแพร่ระบาดระลอกล่าสุดของสหรัฐฯ เกิดขึ้นประจวบเหมาะกับการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามกลบเกลื่อนความรุนแรงของโรคระบาดใหญ่ ส่วนผู้ท้าชิงเก้าอี้อย่าง โจ ไบเดน เรียกร้องให้ใช้แนวทางวิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้น
เวทีหาเสียงของทรัมป์ ซึ่งบางครั้งจัดในที่โล่งแจ้ง ไม่ค่อยพบเห็นผู้คนสวมหน้ากากและเว้นระยะห่างทางสังคม กลายเป็นต้นตอของการพบเคสผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมอีกกว่า 30,000 คน และมีความเป็นไปได้ที่จะนำมาสู่การเสียชีวิตมากกว่า 700 ราย ตามการคาดการร์ของบรรดานักเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยสแตฟอร์ดที่ระบุในเอกสารวิจัย
ในเอเชีย อินเดียคือชาติที่มีผู้ติดเชื้อมากสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก แต่พบเห็นอัตราการติดเชื้อชะลอตัวอย่างคงที่มาตั้งแต่เดือนกันยายน โดยยอดผู้ติดเชื้อสะสมของประเทศแห่งนี้พุ่งเกิน 8.5 ล้านคนในวันศุกร์ (6 พ.ย.) และมีค่าเฉลี่ยรายวันอยู่ที่ 46,200 คน
(ที่มา: รอยเตอร์)