กระทรวงการต่างประะเทศสหรัฐฯ อนุมัติความเป็นไปได้ที่จะขายระบบป้องกันชายฝั่ง Harpoon แก่ไต้หวัน ในข้อตกลงที่อาจมีมูลค่าสูงสุดถึง 2.37 พันล้านดลอลาร์ จากการเปิดเผยของเพนตากอนเมื่อวันจันทร์ (26 ต.ค.)
ความเคลื่อนไหวมีขึ้นไม่กี่วัน หลังจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เพิ่งอนุมัติขายระบบอาวุธอื่นๆ อีก 3 ชนิดแก่ไต้หวัน ประกอบด้วย เซ็นเซอร์, ขีปนาวุธ และจรวดหลายลำกล้อง มูลค่ารวมประมาณ 1.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งกระตุ้นคำขู่คว่ำบาตรจากจีน
ในวันจันทร์ (26 ต.ค.) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนรายหนึ่งเปิดเผยกับบรรดาผู้สื่อข่าวในกรุงปักกิ่ง ว่าจีนจะกำหนดมาตรการคว่ำบาตร ล็อกฮีด มาร์ติน, โบอิ้ง ดีเฟนซ์, เรย์เธียน และบริษัทสหรัฐฯ อื่นๆ ที่พวกเขาบอกว่าเกี่ยวข้องกับการขายอาวุธให้ไต้หวันของวอชิงตัน
อย่างไรก็ตาม มอร์แกน ออร์ตากัส โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกถ้อยแถลงตอบโต้ว่า “เราขอประณามความพยายามของจีนที่ต้องการแก้เผ็ดสหรัฐฯ และบรรดาบริษัทต่างชาติ สำหรับการขายอาวุธที่สนับสนุนความจำเป็นด้านป้องกันตนเองอย่างถูกต้องตามกฎหมายแก่ไต้หวัน”
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ แจ้งสภาคองเกรสอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ (26 ต.ค.) เกี่ยวกับการอนุมัติดังกล่าวซึ่งครอบคลุมข้อเสนอขายระบบป้องกันชายฝั่ง Harpoon สูงสุดจำนวน 100 ชุด รวมถึงขีปนาวุธยิงจากพื้นผิว RGM-84L-4 Harpoon Block II จำนวน 400 ลูก สำหรับปฏิบัติการในฐานะขีปนาวุธร่อนป้องกันชายฝั่ง
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เพิ่งแจ้งต่อสภาคองเกรสเกี่ยวกับการอนุมัติการจำหน่ายอาวุธ 3 ชนิดชุดแรกแก่ไต้หวัน ประกอบด้วยแท่นยิงจรวดหลายลำกล้องติดตั้งบนรถบรรทุกของล็อกฮีด มาร์ติน, ขีปนาวุธต่อต้านขีปนาวุธภาคพื้นสู่อากาศ (SLAM-ER) และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องของโบอิ้ง โค รวมถึงระบบกระเปาะลาดตระเวนทางอากาศ ติดตั้งเครื่องบินขับไล่ F-16
สำนักข่าวรอยเตอร์มีสื่อมวลชนแห่งแรกที่รายงานในเดือนกันยายน ว่าการขายระบบอาวุธล็อตใหญ่แก่ไต้หวัน กำลังผ่านกระบวนการส่งออกของสหรัฐฯ
หนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการ เป็นการให้เวลาสภาคองเกรส 30 วันสำหรับคัดค้านการขายใดๆ แต่การอนุมัติขายอาวุธแก่ไต้หวันครั้งนี้ ดูเหมือนจะผ่านความเห็นชอบ แม้มันอาจไม่ได้รับการสนับสนุนจากทั้งสองพรรคอย่างกว้างขวางก็ตาม
ความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ มีขึ้นในขณะที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยกระดับกดดันจีน ก่อนหน้าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังมาถึงในวันที่ 3 พฤศจิกายน และมีขึ้นท่ามกลางความกังวลที่มากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับเจตนาของปักกิ่งที่มีต่อไต้หวัน
จีนมองว่าไต้หวันเป็นมณฑลทรยศของพวกเขา และประกาศจุดยืนแข็งกร้าวว่าต้องการรวมชาติจีนกับไต้หวัน และพร้อมใช้กำลังเข้ายึดหากมีความจำเป็น
(ที่มา : รอยเตอร์)