ฝรั่งเศสขยายเคอร์ฟิวครอบคลุมประชากร 2 ใน 3 ของประเทศในวันพฤหัสบดี (22 ต.ค.) และรัฐมนตรีเบลเยียมต้องถูกส่งเข้าห้องไอซียูหลังติดเชื้อโควิด-19 ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดระลอกสองที่กำลังเล่นงานทั่วยุโรป
ฌอง กัสเท็กซ์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ประกาศเคอร์ฟิวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บังคับใช้ในกรุงปารีสและเมืองอื่นๆ อีก 8 แห่ง และล่าสุดมันจะถูกขยายครอบคลุมพื้นที่อื่นๆ อีก 38 เขตบริหาร กักกันประชากรของประเทส 46 ล้านคนจากทั้งหมด 67 ล้านคน ให้อยู่แต่ในที่พักอาศัย ตั้งแต่เวลา 21.00น. จนถึง 06.00 น. “ระลอกสองของโรคระบาดใหญ่กำลังเกิดขึ้นในฝรั่งเศสและยุโรป สถานการณ์เลวร้ายมากๆ” กัสเท็กซ์กล่าวระหว่างแถลงข่าว
ไม่นานหลังจากประกาศมาตรการดังกล่าว เจ้าหน้าที่สาธารณสุขฝรั่งเศสรายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวันถึง 41,622 คน ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมของประเทศแห่งนี้เพิ่มเป็น 999,043 ราย
จากการนับของรอยเตอร์ พบว่า ในวันพุธ (21 ต.ค.) จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ทั่วโลก ทุบสถิติสูงสุดในวันเดียว ที่ 422,835 คน
ในสเปนซึ่งช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา กลายเป็นชาติแรกในยุโรปตะวันตกที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เกิน 1 ล้านคน ทางรัฐมนตรีสาธารณสุข ซัลวาดอร์ อิลลา บอกว่าเวลานี้โรคระบาดใหญ่ “หลุดจากการควบคุมแล้ว” ในหลายพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่ในหลายแคว้นต่างถกเถียงกันเกี่ยวกับการประกาศเคอร์ฟิว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ
หลังจากยุโรปดูเหมือนจะผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามหลังบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มข้นในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน ตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผลักให้ทวีปแห่งนี้หวนคืนสู่แก่นกลางของวิกฤตอีกรอบ
แม้จนถึงตอนนี้ จำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและผู้เสียชีวิตยังไม้ล้นระบบสาธารณสุขอย่างเช่นที่เคยเกิดขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดระลอกแรก แต่เจ้าหน้าที่ในหลายชาติต่างแสดงความกังวลว่าสถานการณ์กำลังเข้าสู่จุดหักเหอย่างรวดเร็ว
เยอรมนีซึ่งรายงานพบผู้ติดเชื้อรายวันเกิน 10,000 คนเป็นครั้งแรก ได้ขยายคำเตือนด้านการเดินทางครอบคลุมสวิตเซอร์แลนด์, ไอร์แลนด์, โปแลนด์, พื้นที่ส่วนใหญ่ของออสเตรียและหลายแคว้นของอิตาลี ในนั้นรวมถึงกรุงโรม
จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งยุโรป พบว่ามีประชาชนทั่วทวีปแล้วมากกว่า 5.3 ล้านคนที่ติดเชื้อโควิด-19 ในนั้นเสียชีวิต 204,000 ราย แต่ยังน้อยกว่าสหรัฐฯ ซึ่งยอดติดเชื้อทะลุ 8.3 ล้านคนและอินเดีย ที่พบผู้ติดเชื้อกว่า 7.7 ล้านคน
โซฟี วิลเมส รัฐมนตรีต่างประเทศของเบลเยียม ต้องถูกนำตัวเข้าห้องไอซียูในวันพฤหัสบดี(22ต.ค.) เพียงหนึ่งวันหลังจาก เยนส์ สปาห์น รัฐมนตรีสาธารณสุขของเยอรมนีมีผลตรวจออกมาเป็นบวก
จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในยุโรปช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สวนทางกับหลายประเทศในเอเชีย ไล่ตั้งแต่จีนไปถึงเกาหลีใต้หรือนิวซีแลนด์ ดินแดนที่มาตรการล็อกดาวน์อันเข้มงวด และการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดอ่างจริงจัง ช่วยสกัดการแพร่ระบาด
ด้วยมาตรการเข้มงวดสกัดโควิด-19 ก่อความเสียหายร้ายแรงแก่เศรษฐกิจ บรรดาผู้นำของยุโรปจึงพยายามหลีกเลี่ยงบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างกว้างๆแบบเดิม ที่ชัตดาวน์เศรษฐกิจของพวกเขาในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ด้วยเคสผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆและระบบสาธารณสุขตกอยู่ภายใต้แรงกดกันหนักหน่วงขึ้น พวกเขาจึงถูกบีบให้กำหนดและขยายข้อจำกัดในระดับท้องถิ่นซึ่งมีเป้าหมายลดการรวมกลุ่มของประชาชน
บรรดาแคว้นที่มีประชากรมากที่สุด 3 แห่งของอิตาลี ประกอบด้วย ลอมบาร์ดี, ลาซิโอ และคัมปาเนีย ล้วนประกาศเคอร์ฟิวยามค่ำคืน ส่วนอังกฤษได้ยกระดับความเข้มข้นของข้อจำกัดในพื้นที่ต่างเพิ่มเติมอีก 3 แห่งในวันพฤหัสบดี (22 ต.ค.)
ในขณะที่วิกฤตกำลังหนักหน่วงขึ้น กลับพบเห็นความร่วมไม้ร่วมมือของประชาชนดังเช่นครั้งล็อกดาวน์หนแรกเริ่มหดหายไป และรัฐบาลกลางประเทศต่างๆ กำลังมีปัญหาโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนกับบรรดาเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ไล่ตั้งแต่แมนเชสเตอร์ไปจนถึงมาดริด เกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ทั้งด้านสาธารณสุข, สวัสดิการสังคม การขนส่งและการเปิดโรงเรียน
(ที่มา : รอยเตอร์)