องค์การอนามัยโลกในวันพฤหัสบดี (15 ต.ค.) แสดงความกังวลใหญ่หลวงต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกสองของโควิด-19 ในยุโรป จนหลายชาติต้องบังคับใช้มาตรการเข้มข้นรอบใหม่ในความพยายามควบคุมไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในนั้นรวมถึงฝรั่งเศส ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นไม่หยุด ล่าสุดทะลุ 30,000 คน สูงสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดในประเทศ
ในการแถลงข่าวที่โคเปนเฮเกน ดร.ฮานส์ คลุกก์ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภาคพื้นยุโรป บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า “มันถึงเวลาแล้วที่จะยกระดับมาตรการต่างๆ” เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆในทวีป กำลังก่อความกังวลอย่างสูง
อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่าสถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายเหมือนกับช่วงพีกสุดในเดือนมีนาคมและเมษายน และเน้นย้ำว่าควรหลีกเลี่ยงการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ เนื่องจากมันจะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจและสังคมในทุกๆด้าน
“สุขภาพจิตของประชาชน ความเสี่ยงเกิดความรุนแรงภายในครอบครัวและการศึกษาของเด็ก ควรถูกนำเข้าพิจารณาด้วย” เขากล่าว
สหราชอาณาจักรหวังว่าระบบ 3 ขั้นจะเป็นมาตรการที่เหมาะสม ด้วยลอนดอนกำลังมุ่งหน้าสู่ระดับ 2 ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ และเมืองลิเวอร์พูล ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นเพียงพื้นที่เดียวที่อยู่ในระดับสูงสุด ซึ่งมีการจำกัดการรวมตัวของสังคม ในนั้นรวมถึงการปิดผับบาร์
ในฝรั่งเศส ตำรวจเข้าค้นบ้านพักของโอลิเวอร์ เวราน รัฐมนตรีสาธารณสุข หนึ่งในรัฐมนตรีทั้งในปัจจุบันและอดีตที่กำลังถูกตรวจสอบ หลังโดนร้องเรียนจากบรรดาเหยื่อโควิด-19 ว่ารัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีเหล่านั้นดำเนินการอย่างล่าช้าในความพยายามสกัดการแพร่ระบาด
ปฏิบัติการดังกล่าวมีขึ้น หลังจากฝรั่งเศสประกาศเคอร์ฟิวสกัดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ตั้งแต่ 21.00 ถึง 06.00 น. ในกรุงปารีสและเมืองอื่นๆ อีก 8 แห่ง เป็นเวลา 6 สัปดาห์ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ
ล่าสุดจากข้อมูลอย่างเป็นทางการที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (15 ต.ค.) พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในฝรั่งเศส ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พุ่งเกิน 30,000 คนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาด
สำนักงานสาธารณสุขของฝรั่งเศสระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันอยู่ที่ 30,621 คน ส่งผลให้ยอดติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 809,684 คน สูงสุดเป็นอันดับ 10 ของโลก นอกจากนี้แล้วยังพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 88 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่ามา ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 33,125 คน
ช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปพากันผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อฟื้นเศรษฐกิจที่บอบช้ำรุนแรงจากการระบาดรอบแรกของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทว่า การกลับอนุญาตให้ประชาชนไปทำกิจกรรมปกติ โดยเฉพาะการเตร็ดเตร่สนุกสนานของคนวัยหนุ่มสาว ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกทีทั่วภูมิภาค
นอกจากฝรั่งเศสแล้ว ที่เยอรมนีก็ไม่สู้ดี โดยมีผู้ติดเชื้อทะลุ 7,000 คนในรอบ 24 ชั่วโมง เพิ่มขึ้นจากระดับ 5,000 คนหนึ่งวันก่อนหน้านี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับจากบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ออกมาประกาศในวันพุธว่า (14 ต.ค.) ตนและผู้นำของ 16 รัฐของประเทศ เห็นพ้องยกระดับมาตรการควบคุมการระบาด ทว่าไม่ได้เปิดเผยรายละเอียด
บาร์และผับกลายเป็นธุรกิจด่านแรกๆ ที่ถูกสั่งปิดระหว่างการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ในยุโรปนี้ แต่เนื่องจากสถิติเคสใหม่ยังพุ่งขึ้นไม่หยุด หลายประเทศเริ่มขยายไปที่สถาบันการศึกษาและพวกบริการทางการแพทย์ซึ่งไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน
ในสเปน ผับ บาร์และร้านอาหาร จะถูกปิดทั่วแคว้นกาตาลุญญา ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เป็นเวลา 15 วัน หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 13,318 คน เสียชีวิต 140 รายในวันพฤหัสบดี (15 ต.ค.) ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 921,374 คน เสียชีวิตสะสม 33,553 คน
อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันของสเปน ลดลงจากจุดพีกสุดเหนือกว่า 16,000 คน ของวันที่ 18 กันยายน
(ที่มา : เอเอฟพี/รอยเตอร์)