“ทรัมป์” วอนกองเชียร์อุ้มเข้าทำเนียบขาวอีกรอบ อ้างเพื่อปกป้องให้เศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัวจากโรคระบาด ขณะที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง “เมลาเนีย” งดปรากฏตัวหาเสียงร่วมกับสามีในนาทีสุดท้าย เนื่องจากยังไอเรื้อรังจากที่ติดโควิด ในอีกด้านหนึ่งสื่อดังแฉประธานาธิบดีอเมริกันผู้นี้ว่า ทั้งๆ ที่เดินหน้าทำสงครามการค้ากับจีน แต่กลับเคยใช้เวลาอยู่หลายปีพยายามบ่มเพาะธุรกิจและแอบเปิดบัญชีธนาคารลับๆ ในแดนมังกร
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งยังคงโหมตระเวนปราศรัยหาเสียง โดยเฉพาะในรัฐที่เป็นสมรภูมิสำคัญ ได้ไปยังเมืองอีรี่ ในรัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันอังคาร (20 ต.ค.) โดยเขากล่าวปราศรัยกับพวกผู้สนับสนุนว่า การเลือกตั้งในวันที่ 3 เดือนหน้าจะเป็นการเลือกระหว่างการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วซึ่งขณะนี้เกิดขึ้นแล้วจากการบริหารของตนเอง กับภาวะถดถอยหากเลือกโจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต
ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 2 สัปดาห์ก่อนวันเลือกตั้ง การหาเสียงของทรัมป์ วัย 74 ปี กับไบเดน วัย 77 ปี แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันลุยปราศรัยหาตามที่ต่างๆ บางวันเดินสายถึง 2 แห่ง แม้เพิ่งฟื้นจากการป่วยด้วยโรคโควิด-19 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ส่วนไบเดนงดหาเสียงในวันอังคารเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการโต้วาทีกับทรัมป์เป็นนัดสุดท้ายในวันพฤหัสบดี (22)
ระหว่างหาเสียงที่อีรี่ ทรัมป์ยังอ้างเหมือนเคยว่า โรคระบาดใหญ่จบลงแล้ว รวมทั้งย้ำข้อกล่าวหาไบเดนทุจริตจากการใช้ตำแหน่งรองประธานาธิบดีในสมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ช่วยฮันเตอร์ บุตรชาย เข้าไปทำธุรกิจในยูเครนและจีน พร้อมระบุว่า ต้องการให้บิลล์ บาร์ รัฐมนตรียุติธรรม เปิดการสอบสวนไบเดนก่อนการเลือกตั้ง
ขณะเดียวกัน แม้ทรัมป์พยายามอย่างหนักเพื่อหลบเลี่ยงประเด็นวิกฤตไวรัส แต่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้เลย โดยล่าสุด เมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ต้องยกเลิกแผนปรากฏตัวร่วมกับทรัมป์ที่เพนซิลเวเนียในนาทีสุดท้าย เนื่องจากยังไอเรื้อรัง หลังจากติดโควิด-19 ก่อนหน้านี้เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังให้สัมภาษณ์อย่างมั่นใจในรายการฟ็อกซ์ แอนด์ เฟรนด์สว่า สถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และโพลของตนชี้ว่า คะแนนของไบเดนกำลังดิ่งลงอย่างฮวบฮาบ
ทว่า ผลสำรวจของนิวยอร์กไทมส์/วิทยาลัยเซียนา ล่าสุดบ่งชี้ตรงกันข้ามว่า ไบเดนมีคะแนนนำทั่วประเทศ 9% อย่างไรก็ดี ไอบีดี/ทีไอพีพีที่เคยทายผลเลือกตั้งสุดช็อกเมื่อปี 2016 ถูกต้องมาแล้ว ระบุว่า ไบเดนนำแค่ 2.3%
ทางด้านไบเดนโจมตีว่า ทรัมป์ล้มเหลวในการเผชิญหน้าและรับมือโรคระบาดที่ทำให้คนอเมริกันเสียชีวิตราว 220,000 คน ทั้งยังจะเร่งรีบเปิดเศรษฐกิจและดูแคลนมาตรการป้องกันโรคระบาด เช่น การเว้นระยะห่างทางสังคม ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นพบว่า ชาวอเมริกันจำนวนมากขึ้นไว้ใจไบเดนมากกว่าทรัมป์ในการจัดการวิกฤตสาธารณสุข
ในอีกด้านหนึ่ง นิวยอร์กไทมส์เสนอรายงานข่าวซึ่งน่าจะทำให้ให้ไบเดนมีประเด็นโจมตีทรัมป์เพิ่มขึ้นอีก โดยสื่อดังฉบับนี้เผยว่า ทรัมป์ใช้เวลาอยู่หลายปีในความพยายามบ่มเพาะเดินหน้าโครงการธุรกิจในจีน รวมทั้งยังแอบเก็บบัญชีธนาคารในแดนมังกรเอาไว้จนถึงตอนนี้ บัญชีดังกล่าวในปัจจุบัน จัดการโดยทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเต็ลส์ แมเนจเมนต์
นิวยอร์กไทมส์รายงานโดยอ้างเอกสารภาษีของทรัมป์ว่า อดีตนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ผู้นี้จ่ายภาษี 188,561 ดอลลาร์ในจีนระหว่างพยายามยื่นขอใบอนุญาตดำเนินธุรกิจในปี 2013-2015 รวมทั้งทรัมป์มีสำนักงานในจีนระหว่างลงสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก นอกจากนี้ ทรัมป์ โฮเต็ล คอลเล็กชัน ยังเจรจากับสเตท กริด คอร์เปอเรชัน ออฟ ไชน่า ซึ่งเป็นบริษัทไฟฟ้าและรัฐวิสาหกิจใหญ่ที่สุดของรัฐบาลจีน เพื่อจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในปักกิ่ง แต่ล้มเลิกการประมูลในเวลาต่อมา
ทางด้าน อลัน การ์เตน ทนายความของทรัมป์ ออร์แกไนเซชัน แจงว่า บริษัทเปิดบัญชีกับธนาคารจีนแห่งหนึ่งที่มีสำนักงานในอเมริกาเพื่อใช้เป็นช่องทางจ่ายภาษีในจีนเท่านั้น พร้อมยืนยันว่า บริษัทไม่เคยทำข้อตกลง ธุรกรรม หรือกิจกรรมธุรกิจใดๆ ในจีนนับจากปี 2015 และสำนักงานในจีนก็ไม่ได้ประกอบธุรกิจใดๆ
ไม่เพียงมีคะแนนนำในโพลทั่วประเทศ ทีมหาเสียงของไบเดนยังดูเหมือนมีทุนรอนใช้จ่ายมากกว่าทรัมป์ โดยเมื่อวันอังคาร ทีมหาเสียงของทรัมป์ได้ส่งเอกสารการเงินให้คณะกรรมการการเลือกตั้งซึ่งระบุว่า มีเงินในธนาคารราว 63 ล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 30 กันยายน หลังจากใช้จ่ายในกิจกรรมหาเสียงไป 139 ล้านดอลลาร์ในเดือนดังกล่าว
ส่วนทีมหาเสียงของไบเดนแม้ยังไม่ได้ส่งรายงานการเงิน แต่มีการเปิดเผยในเดือนนี้ว่า มีเงินในธนาคารรวมกับของพรรคเดโมแครต 432 ล้านดอลลาร์
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)