สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ เผยว่า บาร์รอน ลูกชายคนสุดท้องของ “ทรัมป์” ติดโควิดเหมือนกันแต่เป็นแบบไม่แสดงอาการ ขณะที่ “หมอใหญ่” ยืนยันภายหลังการตรวจสอบว่าประธานาธิบดีอยู่ในระยะไม่แพร่เชื้อไวรัสโคโรนาให้คนอื่นแล้ว อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดระบุว่าจนถึงเวลานี้พวกเจ้าหน้าที่ภายในทำเนียบขาวก็ยังคงไม่สนใจสวมหน้ากากป้องกันกันเหมือนเดิม
ในวันพุธ (14 ต.ค.) นพ.แอนโทนี ฟาวซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อชั้นนำของรัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยันระหว่างให้สัมภาษณ์กับข่าวโทรทัศน์ ซีบีเอส อีฟนิง นิวส์ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อยู่ในภาวะไม่แพร่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ให้ผู้อื่นแล้ว และสามารถเข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์แบบ “ทาวน์ฮอลล์” ที่เปิดให้ผู้มีสิทธิออกเสียงซักถามประธานาธิบดีภายในห้องส่ง และถ่ายทอดทางเครือข่ายโทรทัศน์เอ็นบีซีในวันพฤหัสฯ (15)
ฟาวซีสำทับว่า ตนและคลิฟฟอร์ด เลน จากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (เอ็นไอเอช) ได้ข้อสรุปนี้หลังจากตรวจสอบผลตรวจโควิด-19 ทั้งหมดของทรัมป์ รวมถึงข้อมูลการตรวจเพิ่มเติมโดยห้องแล็บของเอ็นไอเอช
ทั้งนี้ ทรัมป์เปิดเผยเมื่อเช้าวันที่ 2 ที่ผ่านมาว่า ติดโควิด และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทหารนาน 3 วัน ก่อนกลับทำเนียบขาวเมื่อคืนวันจันทร์ (12) พร้อมอวดอ้างว่า ตนหายดีและเป็นผู้พิชิตโควิด
อย่างไรก็ดี ในวันพุธเช่นกัน เมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่า บาร์รอน ลูกชายของตน ซึ่งเป็นลูกชายคนสุดท้องของทรัมป์ ติดโรคโควิด
หลังจากเธอและทรัมป์มีผลตรวจออกมาเป็นบวกช่วงต้นเดือนนี้ ทำเนียบขาวระบุว่า บาร์รอนซึ่งปัจจุบันอายุ 14 ปีมีผลตรวจเป็นลบ เมลาเนียระบุวันพุธว่า ในการตรวจในเวลาต่อมา ลูกชายของเธอมีผลเป็นบวกทว่าไม่ได้มีอาการอะไร แล้วผลการตรวจหลังจากนั้นของเขาก็กลับมาเป็นลบอีกครั้ง
คำแถลงของเธอบอกว่า ทั้งเธอและบาร์รอนเวลานี้ ผลตรวจออกมาเป็นลบทั้งคู่แล้ว
ด้านทรัมป์ซึ่งหาเสียงอยู่ที่ไอโอวา บอกว่า บาร์รอนติดโควิดช่วงสั้นๆ กระทั่งตัวเขาเองอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำเพราะไม่มีอาการ
แต่ถึงแม้ทรัมป์พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนจากวิกฤตโรคระบาด ท่ามกลางเสียงครหาอื้ออึงว่าคณะบริหารของเขารับมืออย่างผิดพลาดมาก ทว่า การป่วยของทรัมป์ รวมทั้งการติดเชื้อของลูกชายคนสุดท้อง โดยเฉพาะการปิดเรื่องนี้เป็นทางลับจนกระทั่งผลตรวจออกมาเป็นลบ กลับทำให้ประเด็นนี้ถูกเพ่งเล็งอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระบาดในทำเนียบขาวในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
เกี่ยวกับเรื่องนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ถึงแม้ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวหลายคนที่ติดโควิดได้ทยอยกลับไปทำงานได้แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง คือ การไม่ยอมสวมหน้ากากป้องกันแม้ถูกวิจารณ์อย่างมากก็ตาม
รอยเตอร์บอกว่า พวกผู้ช่วยในทำเนียบขาวและเจ้าหน้าที่ทีมรณรงค์หาเสียงของทรัมป์ รวมทั้งสมาชิกในคณะกรรมการแห่งชาติพรรครีพับลิกันหลายคนที่ติดเชื้อโควิดก่อนหน้านี้ ขณะนี้หายดีแล้ว
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนหนึ่งเผยว่า ผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่มีอาการเพียงเล็กน้อย
โฮป ฮิกส์ ที่ปรึกษาอาวุโสของทรัมป์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนแรกที่เปิดเผยต่อสาธารณชนว่า ติดโควิดเมื่อต้นเดือน ก่อนที่เจ้าหน้าที่อีกหลายคนจะทยอยออกข่าวว่าติดเชื้อเช่นกัน บอกว่าอาการของเธอดีขึ้นแล้วแต่ยังไม่ได้กลับไปทำงาน เช่นเดียวกับเคย์ลีห์ แมคเอนานี โฆษกของทำเนียบขาว
รอยเตอร์รายงานว่า ก่อนที่ทรัมป์จะเดินทางไปหาเสียงที่ไอโอวาเมื่อวันพุธ เจ้าหน้าที่หลายคนเดินวุ่นทั่วปีกเวสต์วิง หรืออาคารฝั่งตะวันตกของทำเนียบขาว โดยไม่สวมหน้ากาก
อย่างไรก็ตาม จัดด์ เดียร์ โฆษกทำเนียบขาว ยืนยันว่า ทำเนียบขาวปฏิบัติตามแนวทางของศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) อย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19 อย่างดีที่สุด ซึ่งรวมถึงการสั่งให้เจ้าหน้าที่หยุดอยู่บ้านหากตรวจพบติดเชื้อหรือมีอาการป่วย เว้นระยะห่างทางสังคม รักษาความสะอาด และสวมหน้ากาก และสำทับว่า หน่วยแพทย์ทำเนียบขาวมีโปรแกรมติดตามผู้สัมผัสโรคอย่างเข้มข้น
“แต่งานที่สำคัญของทำเนียบขาวและรัฐบาลสหรัฐฯ นั้นมีความจำเป็นต้องดำเนินต่อไป ซึ่งบางครั้งก็เรียกร้องให้บุคลากรที่จำเป็นต้องปรากฏตัวทางกายภาพในที่ทำงาน และเมื่อสิ่งนั้นบังเกิดขึ้นมา ก็จะมีการทำตามมาตรการระมัดระวังไว้ก่อนทุกๆ อย่าง เพื่อปกป้องสุขภาพของประธานาธิบดี ของพวกเขาเอง และของทั่วทั้งอาคาร” เขากล่าวต่อ
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)