xs
xsm
sm
md
lg

‘ทรัมป์’ ลุ้นแพทย์จะยอมให้ออกจากโรงพยาบาลวันนี้ แม้ถูกวิจารณ์ยับที่ปล่อยให้เขาดอดนั่งรถยนต์ออกมาทักทายกองเชียร์ทั้งที่ป่วยโควิด-19

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขณะแวบออกมานั่งรถยนต์หุ้มเกราะ โบกมือให้แก่พวกผู้สนับสนุนซึ่งชุมกันอยู่ด้านนอกของศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติวอลเตอร์รีด ในเมืองเบเธสดา รัฐแมริแลนด์ ชานกรุงวอชิงตันเมื่อวันอาทิตย์ (4 ต.ค.)  ทั้งๆ ที่เขากำลังพักรักษาตัวด้วยโรคติดต่อโควิด-19
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ วาดหวังว่าจะสามารถออกจากโรงพยาบาลทหารที่เขากำลังรักษาตัวโดยโรคโควิด-19 ได้ในวันจันทร์ (5 ต.ค.) หนึ่งวันหลังจากเขาเสี่ยงภัยนั่งรถยนต์ออกมาข้างนอกเป็นระยะเวลาสั้นๆ ในขณะที่ยังอยู่ในช่วงซึ่งสามารถแพร่เชื้อไวรัสโคโรนามรณะนี้ได้ ทั้งนี้เพื่อโบกมือต้อนรับเสียงเชียร์ของพวกผู้สนับสนุน ทำให้พวกผู้เชี่ยวชาญโวยลั่นทรัมป์เห็นแก่ผลประโยชน์ทางการเมืองโดยไม่สนใจว่า จะเอาเชื้อไปแพร่ให้พวกเจ้าหน้าที่อารักขาหรือบุคคลอื่นๆ นอกจากนั้นแพทย์หลายคนยังสงสัยว่าอาการประธานาธิบดีอาจรุนแรงกว่าข่าวที่แถลง

พวกเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวแจ้งว่า ทรัมป์มีความปรารถนาที่จะได้ออกจากโรงพยาบาล ภายหลังพักรักษาตัวเป็นเวลา 3 คืนที่ศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติ วอลเตอร์รีด ที่ซึ่งพวกแพทย์เปิดเผยในวันอาทิตย์ (4) ว่า ระดับออกซิเจนในเลือดของประธานาธิบดีได้ลดต่ำลงอย่างกระทันหันรวม 2 ครั้งในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา และพวกเขาได้ให้ยาสเตียรอด์ซึ่งปกติแล้วจะให้แก่ผู้ที่ป่วยมากเท่านั้น กระนั้นแพทย์เหล่านี้ยังคงบอกว่าสุขภาพของทรัมป์กำลังกระเตื้องดีขึ้น รวมทั้งเอ่ยปากว่าเขาอาจจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้อย่างเร็วคือวันจันทร์ เพื่อไปรักษาตัวต่อที่ทำเนียบขาว

“นี่เป็นวันสำคัญสำหรับท่าปนระธานาธิบดีซึ่งกำลังกระเตื้องดีขึ้นเรื่ยอๆ และกำลังเตรียมตัวเพื่อกลับไปสู่ตารางทำงานตามปกติ” มาร์ก มีโดว์ส ประธานเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวบอกกับทีวีฟ็อกซ์นิวส์ในวันจันทร์ เขากล่าวว่าการตัดสินใจว่าทรัมป์จะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้หรือไม่นั้น จะกระทำในช่วงต่อไปของวันเดียวกัน หลังจากทีมแพทย์ประเมินสุขภาพของประธานาธิบดีแล้ว ทว่าทรัมป์นั้น “มองโลกแง่ดี” ว่าเขาจะสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ในวันจันทร์

ขณะที่เหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 เดือนก็จะถึงวันเลือกตั้ง 3 พฤศจิกายน ทรัมป์จึงดูมีความกระตือรือร้นที่จะแสดงให้เห็นความเข้มแข็งของเขาถึงแม้ต้องล้มป่วย ในวันอาทิตย์ (4) ท่านประธานาธิบดีซึ่งยังคงสามารถแพร่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ติดต่อไปถึงคนอื่น ได้สร้างเซอร์ไพรซ์ให้พวกผู้สนับสนุนซึ่งชุมนุมรวมตัวกันอยู่ที่ด้านนอกของโรงพยาบาลแห่งนี้ ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กรุงวอชิงตัน เมื่อเขานั่งในรถยนต์เอสยูวีหุ้มเกราะกันกระสุนสีดำ ขับผ่านพวกเขาพร้อมโบกมือให้ ทรัมป์นั้นสวมหน้ากากป้องกันปากและจมู ขณะสามารถมองเห็นพวกเจ้าหน้าที่อารักขาหลายคนนั่งอยู่ข้างในรถโดยสวมหน้ากากป้องกันเช่นกัน ตลอดจนเครื่องป้องกันอื่นๆ

ทรัมป์ซึ่งคอยตำหนิคำแนะนำด้านสาธารณสุขของหน่วยงานทางการแพทย์ใต้บังคับบัญชาของคณะบริหารของเขาเอง รวมทั้งเผยแพร่ข้อมูลผิดๆ เกี่ยวกับโควิด-19 มาโดยตลอด ยังโพสต์คลิปบนทวิตเตอร์ก่อนออกไปปรากฏตัวโดยบอกว่า เขาได้เรียนรู้หลายอย่างเกี่ยวกับโควิดจากการที่ต้องต่อสู้กับไวรัสในขณะนี้

ทว่า ผู้เชี่ยวชาญหลายคนท้วงว่า การกระทำแบบขาดความยั้งคิดเช่นนี้ของทรัมป์ฟ้องว่า เขาไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย

เจมส์ ฟิลลิปส์ หัวหน้าแผนกเวชศาสตร์ฉุกเฉินของมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ชี้ว่า ทุกคนที่อยู่กับทรัมป์ในรถยนต์ของทริปเดินทางซึ่งไม่ได้มีความจำเป็นใดๆ โดยสิ้นเชิงดังกล่าว จำเป็นต้องถูกกักตัว 14 วัน และว่า คนเหล่านั้นอาจป่วยหรือตายเพียงเพื่อเป้าหมายทางการเมืองของทรัมป์เท่านั้น

ด้านจัดด์ เดียร์ โฆษกทำเนียบขาว ยืนยันว่า มีมาตรการป้องกันอย่างเหมาะสมเพื่อปกป้องทรัมป์และเจ้าหน้าที่ ซึ่งรวมถึงการสวมอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ นอกจากนั้นยังได้รับอนุญาตจากทีมแพทย์แล้วด้วย

อย่างไรก็ตาม ซีค เอมานูเอล ประธานแผนกจริยธรรมแพทย์และนโยบายสุขภาพของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ทวิตว่า การกระทำของทรัมป์น่าละอาย เพราะทำให้เจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาผู้นำเสี่ยงติดเชื้อโดยไม่จำเป็นเพียงเพื่อการประชาสัมพันธ์เท่านั้น

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากทีมแพทย์แถลงความคืบหน้าอาการของทรัมป์โดยระบุว่า อาการดีขึ้นเรื่อยๆ และอาจกลับไปพักรักษาตัวต่อที่ทำเนียบขาวอย่างเร็วที่สุดในวันจันทร์ แม้ทรัมป์ยังคงได้รับยาเด็กซ์เมทาโซนที่ใช้เฉพาะกับเคสที่อาการหนักเท่านั้น และยังต้องให้ยาต้านไวรัสเรมเดซิเวียร์อีก 3 วันจากทั้งหมด 5 วันก็ตาม

ฌอน คอนลีย์ แพทย์ประจำตัวของทรัมป์เสริมว่า ประธานาธิบดีถูกนำส่งโรงพยาบาลวอลเตอร์รีดเมื่อวันศุกร์ โดยที่มีไข้สูงและระดับออกซิเจนในเลือดลดลงจนน่ากังวล และยอมรับว่าเขาปิดบังข้อมูลที่ว่า ทรัมป์ต้องให้ออกซิเจน ทั้งนี้เพื่อมุ่งรักษาภาพลักษณ์ที่ดี

ก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญพากันวิจารณ์ว่า ข้อมูลจากคณะบริหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากทีมแพทย์ ทำให้ประชาชนยิ่งสับสน เช่น ให้ข่าวว่าทรัมป์อาการดีขึ้นเมื่อวันเสาร์ (3) แต่หลังจากนั้นไม่นาน มาร์ก มีโดวส์ ประธานเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว กลับออกมาให้สัมภาษณ์ว่า อาการทรัมป์ยังน่ากังวลและยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

แพทย์หลายคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาทรัมป์สงสัยว่า อาการของประธานาธิบดีแย่กว่าที่ทีมแพทย์แถลง เนื่องจากด้วยวัยที่สูงถึง 74 ปีแล้วรวมทั้งเป็นโรคอ้วน ทำให้ทรัมป์มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนรุนแรงหรือเสียชีวิตจากโควิด

นายแพทย์อาเมช อดาจา ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ ชี้ว่า คำชี้แจงของคอนลีย์เกี่ยวกับผลการตรวจปอดของทรัมป์ที่ว่า พบบางสิ่งที่คาดไว้อยู่แล้วแต่ไม่น่ากังวลมาก แทนที่จะตอบว่า ปกติดีนั้น บ่งชี้ว่า การเอ็กซเรย์พบสัญญาณบางอย่างของโรคปอดอักเสบ

ขณะเดียวกัน รายละเอียดจากที่ปรึกษาและแพทย์บ่งชี้ว่า ทรัมป์ได้ไปพบปะผู้บริจาคเงินหาเสียงจำนวนกว่า 30 คนในรัฐนิวเจอร์ซีย์เมื่อวันพฤหัสฯ (1) แม้หลังจากรู้ข่าวว่า โฮป ฮิกส์ ผู้ช่วยใกล้ชิดของเขา ติดโควิด และไม่กี่ชั่วโมงก่อนมีการประกาศข่าวว่าตัวประธานาธิบดีเองก็ติดเชื้อเหมือนกัน

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เคย์ลีห์ แม็กอนานี โฆษกทำเนียบขาว ออกมาแถลงยืนยันว่า ทรัมป์ตรวจพบติดเชื้อหลังงานระดมทุน และไม่ได้รู้ล่วงหน้า

ทั้งนี้ในงานระดมทุนดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมกว่า 200 คน และเจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามผู้สัมผัสโรคในนิวเจอร์ซีย์ซึ่งอาจมีหลายพันคน

นอกจาก ทรัมป์ และฮิกส์แล้ว ยังมีคนวงในในทำเนียบขาวและวุฒิสมาชิกรีพับลิกันอย่างน้อย 3 คนติดโควิด รวมถึงเมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง

ไม่เพียงเท่านั้นผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพยังกังวลกับ “การติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนในทำเนียบขาว” ที่เชื่อมโยงกับพิธีเสนอชื่อเอมี โคนีย์ บาร์เร็ตต์ ให้เป็นผู้พิพากษาศาลสูงสุด เมื่อวันที่ 26 กันยายน ในสวนกุหลาบ ของทำเนียบขาว

(ที่มา : เอพี, เอเอฟพี, รอยเตอร์)

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะแวบออกมานั่งรถยนต์หุ้มเกราะ โบกมือให้แก่พวกผู้สนับสนุนซึ่งชุมกันอยู่ด้านนอกของศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติวอลเตอร์รีด ในเมืองเบเธสดา รัฐแมริแลนด์ ชานกรุงวอชิงตันเมื่อวันอาทิตย์ (4 ต.ค.)  ทั้งๆ ที่เขากำลังพักรักษาตัวด้วยโรคติดต่อโควิด-19


กำลังโหลดความคิดเห็น