สัญญาณชีพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ “น่ากังวลมาก” ในช่วง 24 ชั่วโมงผ่านมา และยังไม่หลุดพ้นจากอันตราย จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวในวันเสาร์ (3 ต.ค.) สวนทางกับภาพในแง่บวกที่ทางคณะแพทย์ของประธานาธิบดีให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คำประเมินของแหล่งข่าวใกล้ชิดกับประเด็นสุขภาพของประธานาธิบดี บ่งชี้ว่าทรัมป์ยังไม่อยู่บนเส้นทางของการฟื้นตัวจากโควิด-19 และสัญญาณชีพบางอย่างของเขาในรอบวันที่ผ่านมา “น่ากังวลอย่างยิ่ง” ขณะที่มันมีขึ้นหลัจากคณะแพทย์กล่าวระหว่างแถลงข่าวก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ว่าอาการของทรัมป์ดีขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีไข้
หนึ่งในคณะแพทย์แถลงว่าทรัมป์บอกกับทีมแพทย์ว่า “ผมรู้สึกเหมือน ผมสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ในวันนี้เลย” อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม ระบุว่า ช่วง 48 ชั่วโมงถัดจากนี้จะมีความสำคัญยิ่งในแง่ของการดูแลอาการป่วยของทรัมป์
ทรัมป์ วัย 74 ปี เดินทางออกจากทำเนียบขาวและถูกย้ายเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลทหารวอลเตอร์รีด เมืองเบเธสดา รัฐแมริแลนด์ ใกล้วอชิงตันในวันศุกร์ (2 ต.ค.) ไม่นานหลังจากได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด-19
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานอ้างแหล่งข่าว 2 คนที่ใกล้ชิดกับทำเนียบขาว เผยว่า การตัดสินใจพาทรัมป์ส่งโรงพยาบาล มีขึ้นหลังจากเขาหายใจลำบากและระบบออกซิเจนลดลง กระตุ้นให้ทางทีมแพทย์ส่วนตัวของเขาต้องให้ออกซิเจน
รายงานข่าวดังกล่าวสวนทางกลับคำพูดของนายแพทย์ ฌอน พี.คอนลีย์ ที่บอกกับผู้สื่อข่าวด้านนอกของโรงพยาบาล ระหว่างการแถลงข่าวในวันเสาร์ (3 ต.ค.) ว่า ทรัมป์ ไม่ได้หายใจลำบาก และที่โรงพยาบาลวอเตอร์รีด ไม่มีการให้ออกซิเจนกับเขา
“ทีมแพทย์และผมรู้สึกพอใจมากกับความก้าวหน้าของอาการประธานาธิบดี” คอนลีย์กล่าว อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธให้กรอบเวลาความเป็นไปได้ว่าเมื่อไหร่ที่ทรัมป์จะได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล
ทรัมป์ เขียนบนทวิตเตอร์ยกย่องทีมแพทย์ของโรงพยาบาลวอเตอร์รีด และสถาบันอื่นๆ ที่เข้าร่วมในการรักษา พร้อมบอกว่าพวกเขา “น่าอัศจรรย์” และบอกว่าด้วยความเชื่อเหลือของคณะแพทย์ “ผมรู้สึกดีมาก”
ทำเนียบขาวระบุว่า ทรัมป์ทำงานในห้องสูทพิเศษของโรงพยาบาลในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า ส่วนหนึ่งในมาตรการป้องกันไว้ก่อน ทั้งนี้ตามตารางนัดหมายเดิมนั้น ทรัมป์ไม่มีกำหนดเข้าร่วมกิจกรรมสาธารณะใดๆ ในวันเสาร์ (3 ต.ค.)
การถูกตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 คือความเสื่อมถอยหนล่าสุดของประธานาธิบดีจากรีพับลิกันรายนี้ ซึ่งมีคะแนนนิยมตามหลัง โจ ไบเดน คู่แข่งจากรีพับลิกัน ในโพลของหลายสำนักอยู่ก่อนแล้ว ก่อนถึงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พฤศจิกายน
ทรัมป์ ดูเบาภัยคุกคามของโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในระยะเริ่มต้น จนกระทั่งตอนนี้โควิด-19 ได้คร่าชีวิรอเมริกันชนไปแล้วมากกว่า 200,000 คน และทุบเศรษฐกิจสหรัฐฯ พังพินาศ
คอนลีย์ เผยว่า ทรัมป์ ได้รับยาเรมเดซิเวียร์โดสแรกไปแล้ว จากคอร์สการรักษาที่ต้องใช้เวลา 6 วัน ขณะที่ เรมเดซิเวียร์ เป็นยาต่อต้านไวรัสฉีดเข้าเส้นเลือดของบริษัท กิเลียด ไซเอินเซส ที่ผลการทดลองทางคลินิกระบุว่าสามารถลดระยะเวลาการรักษาตัวในโรงพยาบาล นอกจากนี้แล้วเขายังได้รับยาฉีดสูตรค็อกเทล REGN-COV2 ที่เป็นสารภูมิต้านทานหรือแอนตีบอดีของบริษัท รีเจเนรอน เช่นเดียวกับซิงค์, วิตามินดี, ฟาโมทิดีน, เมลาโทนินและแอสไพริน
ทรัมป์แถลงผ่านทวิตเตอร์ในวันศุกร์ (2 ต.ค.) ว่าเขาและเมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลข 1 ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งนี้ทรัมป์อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง สืบเนื่องจากอายุและน้ำหนักตัวของเขา แม้ดูเหมือนเขามีสุขภาพที่ดีระหว่างการทำงานในทำเนียบขาว แต่ไม่แน่ชัดว่าทรัมป์ออกกำลังกายเป็นประจำ หรือปฏิบัติตามหลักโภชนาการหรือไม่
สมาชิกคนดังของพรรครีพับลิกันจำนวนหนึ่งเผยว่า พวกเขาก็มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวกเช่นกัน นับตั้งแต่ทรัมป์ประกาศว่าติดเชื้อ ในนั้นรวมถึงวุฒิสมาชิกไมค์ ลี, ธอม ทิลลิสและรอน จอห์นสัน รวมถึง เคลลีแอนน์ คอนเวย์ อดีตที่ปรึกษาระดับสูงของทำเนียบขาวและ คริส คริสตี อดีตผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์
รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ซึ่งจะเข้าทำหน้าที่ประธานาธิบดีแทน หากว่า ทรัมป์ ป่วยหนัก มีผลตรวจเป็นลบ จากการเปิดเผยของโฆษก พร้อมบอกว่าอดีตผู้ว่าการรัฐอินดีแอนาวัย 61 ปีรายนี้ กำลังทำงานจากบ้านพักของเขาเอง ซึ่งอยู่ห่างจากทำเนียบขาวราว 4.8 กิโลเมตร
ทีมหาเสียงของทรัมป์ระบุในวันศุกร์ (4 ก.ย.) ได้ระงับกิจกรรมหาเสียงที่ประธานาธิบดีและครอบครัวมีส่วนร่วม แต่ เพนซ์ จะเดินหน้าหาเสียงแทนประธานาธิบดีในกิจกรรมที่เหลือ และทีมหาเสียงของทรัมป์เปิดเผยว่าในวันเสาร์ (5 ก.ย.) เพนซ์จะเข้าร่วมในกิจกรรมหาเสียงในรัฐแอริโซนา วันที่ 8 ตุลาคม
ทั้งนี้ บิล สเตเปียน ผู้จัดการทีมงานหาเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดเผยผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวกเช่นกันเมื่อวันศุกร์ (2 ต.ค.) และจะทำงานจากที่บ้าน
(ที่มา : รอยเตอร์)