อาร์เมเนีย และอาเซอร์ไบจาน เปิดเผยบรรลุข้อตกลงเมื่อวันเสาร์ (17 ต.ค.) สำหรับหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนเป็นต้นไป ในการสู้รบเกี่ยวกับนากอร์โน-คาราบัค ซึ่งตั้งอยู่ในอาเซอร์ไบจานแต่ปกครองชนเชื้อสายอาร์เมเนีย
อย่างไรก็ตาม ไม่นานนัก อาร์เมเนีย ในวันอาทิตย์ (18 ต.ค.) กล่าวหา อาเซอร์ไบจาน ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงรอบใหม่ในดินแดนพิพาทนากอร์โน-คาราบัค ด้วยการโจมตีด้วยปืนใหญ่และจรวด
“ศัตรูยิงปืนใหญ่เข้ามาในทิศเหนือตั้งแต่เวลา 00.04 น. จนถึง 02.45 น. และยิงจรวดในทิศใต้ ตั้งแต่เวลา 02.20 น. จนถึง 02.45 น.” โฆษกกระทรวงกลาโหมของอาร์เมเนีย เปิดเผยทางทวิตเตอร์ ขณะที่ทางฝั่งอาเซอร์ไบจานยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อคำกล่าวอ้างดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ ไม่กี่ชั่วโมง กระทรวงการต่างประเทศของทั้งอาร์เมเนีย และอาเซอร์ไบจาน เปิดเผยว่า พวกเขาจะหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนของวันเสาร์ (17 ต.ค.) หลังจากสู้รบกันมานาน 3 สัปดาห์เกี่ยวกับดินแดนพิพาทนากอร์โน-คาราบัค
มันถือเป็นครั้งที่ 2 ของคู่สงครามในความพยายามประกาศหยุดยิง เพื่อหยุดเหตุปะทะที่คร่าชีวิตผู้คนของทั้งสองฝ่ายไปแล้วหลายร้อยคน “สาธารณรัฐอาร์เมเนียและสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน เห็นพ้องหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม ตั้ง 00.00 น.ของวันที่ 18 ตุลาคมเป็นต้นไป ตามเวลาท้องถิ่น” กระทรวงการต่างประเทศอาร์เมเนียแถลงในช่วงค่ำวันเสาร์ (17 ต.ค.)
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของอาเซอร์ไบจาน ก็ยืนยันถึงความเคลื่อนไหวดังกล่าวในถ้อยแถลงแบบเดียวกัน
ถ้อยแถลงของทั้งสองชาติมีขึ้นหลังจาก เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย ต่อสายตรงพูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจาน และเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ต้อง “ปฏิบัติตามอย่างเข้มงวด” ต่อข้อตกลงหยุดยิงที่เห็นพ้องกันในกรุงมอสโกเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว (10 ต.ค.)
นอกจากนี้แล้ว กระทรวงต่างประเทศของทั้งสองชาติยังได้ยืนยันถึงความสำคัญที่ต้องเริ่มการเจรจาเพื่อคลี่คลายความขัดแข้ง
เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว (10 ต.ค.) อาร์เมเนีย และอาเซอร์ไบจาน ได้เห็นพ้องหยุดยิงมาแล้วหนหนึ่ง หลังการเจรจามาราธอนยาวนาน 11 ชั่วโมงในกรุงมอสโก โดยมี ลาฟรอฟ เป็นคนกลาง แต่หลังจากนั้นต่างฝ่ายต่างก็กล่าวหาละเมิดข้อตกลง
ดินแดนนากอร์โน-คาราบัค ซึ่งตั้งอยู่ในอาเซอร์ไบจานแต่ปกครองชนเชื้อสายอาร์เมเนีย กลายเป็นสมรภูมินองเลือดมาตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน และจากตัวเลขอย่างเป็นทางการ ทว่าเป็นเพียงบางส่วน มีผู้เสียชีวิตในเหตุปะทะแล้วมากกว่า 700 คน
นากอร์โน-คาราบัค ซึ่งตั้งอยู่บริเวณตอนใต้ของเทือกเขาคอเคซัสถูกกำหนดให้เป็นดินแดนปกครองตนเองภายในอาเซอร์ไบจานตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต ดินแดนนี้ได้ประกาศแยกตัวเป็นเอกราชจากอาเซอร์ไบจาน เมื่อปี 1991 หรือราว 3 เดือนก่อนที่สหภาพโซเวียตจะล่มสลาย ต่อมาได้เกิดสงครามแบบเต็มรูปแบบขึ้นเมื่อปี 1992 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปประมาณ 30,000 คน
เมื่อสงครามสงบลงในปี 1994 กองกำลังอาวุธของอาร์เมเนียไม่เพียงยึดนากอร์โน-คาราบัค เอาไว้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงพื้นที่จำนวนหนึ่งซึ่งอยู่นอกพรมแดนอย่างเป็นทางการของดินแดนนี้ด้วย
เหตุสู้รบที่ปะทุขึ้นอีกครั้งทำให้หลายฝ่ายเกรงว่าสงครามชิงนากอร์โน-คาราบัค คราวนี้อาจลุกลามบานปลาย และดึงมหาอำนาจภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งตุรกีซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับอาร์เซอร์ไบจาน และรัสเซียซึ่งมีข้อตกลงด้านกลาโหมอยู่กับอาร์เมเนีย นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดข้อกังวลในเรื่องความมั่นคงปลอดภัยของท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากอาเซอร์ไบจานไปสู่ยุโรปด้วย
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)