ประชาชนชาวฝรั่งเศสราว 20 ล้านคนเข้าสู่คืนแรกของการประกาศเคอร์ฟิวในวันเสาร์ (17 ต.ค.) มาตรการที่รัฐบาลบังคับใช้ หลังพบจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ เพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล ล่าสุดตัวเลขรายวันพุ่งเกิน 32,000 คน สูงสุดนับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น
ประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่ 21.00 น. จนถึง 06.00 น. มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เที่ยงคืนของวันศุกร์ (16 ต.ค.) ในภูมิภาคปารีสและเมืองขนาดใหญ่อื่นๆ อีก 8 แห่ง รวมแล้วครอบคลุมประชากรเกือบ 1 ใน 3 ของประเทศ
ภายใต้ประกาศเคอร์ฟิว ประชาชนจำเป็นต้องมีใบรับรองขออนุญาตประกอบกิจกรรมต่างๆ อย่างเช่นกันเดินทางไปหรือกลับจากที่ทำงาน ไปพบแพทย์ ไปเยี่ยมญาติ หรือพาสุนัขออกไปเดินเล่น
ผู้ใดก็ตามที่ไม่ปฏิบัติตามจะเสี่ยงถูกปรับเงิน 135 ยูโร (4,945 บาท) แต่หากทำผิดซ้ำอาจเจอโทษปรับสูงสุด 3,750 ยูโร (ราว 137,000บาท)
เจ้าหน้าที่ตำรวจและสารวัตรทหาร 12,000 นาย จะถูกส่งเข้าเสริมกำลังตำรวจเทศกิจ ประจำการตามเมืองต่างๆเพื่อบังคับใช้ประกาศเคอร์ฟิว
บรรดาเจ้าของร้านอาหารส่งเสียงโวยวายต่อมาตรการดังกล่าว “การปิดตอน 21.00 น. จะไม่ส่งผลกระทบต่อโรคระบาดใหญ่ พวกเขาไม่ได้จัดการมันในแนวทางที่ถูกต้อง” ผู้จัดการร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองตูลูสกล่าว
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลปกป้องมาตรการนี้โดยบอกว่ามันเป็นเพียงหนทางเดียวที่จะหลีกเลี่ยงการล็อกดาวน์ ในช่วงเวลาที่ตัวประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อย่างเช่นยอดผู้เสียชีวิตและผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล กำลังบ่งชี้ไปในทิศทางที่เลวร้ายลงทั่วยุโรป
ในส่วนของฝรั่งเศส กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่รอบ 24 ชั่วโมง ทุบสถิติสูงสุดในวันเสาร์ (17 ต.ค.) หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 32,427 ราย เพิ่มขึ้นจากระดับ 25,086 ของวันศุกร์ (16 ต.ค.)
จากตัวเลขดังกล่าวส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมของฝรั่งเศส เพิ่มเป็น 867,197 คน ส่วนผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 33,392 คน หลังพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 90 คน
ด้วยมาตรการเคอร์ฟิว ซึ่งประกาศออกมาไม่นานก่อนหน้าวันหยุดเรียน 2 สัปดาห์ ไม่ได้กำหนดข้อจำกัดด้านการเดินทาง จึงมีความเป็นไปได้ว่าครอบครัวจำนวนมากจะหลบหนีจากเมืองเหล่านี้ ไปยังเมืองอื่นๆ
ประกาศเคอร์ฟิวนี้มีอายุ 4 สัปดาห์ แต่อาจถูกขยายเวลาออกไปหากว่าไม่พบเห็นสัญญาณการชะลอตัวของการแพร่ระบาด และทางประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง บ่งชี้ว่ามาตรการดังกล่าวอาจลากยาวไปจนถึงวันที่ 1 ธันวาคม
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)