ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งต้องอยู่แต่ภายในทำเนียบขาวที่เขายังรับการรักษาโรคโควิด-19 กล่าวในวันพฤหัสบดี (8 ต.ค.) ว่า ไม่เชื่อว่าตนเองกำลังเป็นโรคติดต่อ และรู้สึกอาการดีมากพอที่จะเริ่มต้นการรณรงค์หาเสียงใหม่อีกครั้ง พร้อมกันนั้น เขาก็ตั้งท่าปฏิเสธไม่ยอมเข้าร่วมการดีเบตรอบ 2 กับอดีตรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ถ้าหากจัดกันแบบทางไกลไม่ได้เจอหน้ากัน
“ผมกลับมาเพราะผมเป็นตัวอย่างทางด้านกายภาพที่สมบูรณ์แบบ” ทรัมป์กล่าวเช่นนี้กับโทรทัศน์ฟ็อกซ์ บิสซิเนส เน็ตเวิร์ก ในการให้สัมภาษณ์ครั้งแรกตั้งแต่ที่มีการเปิดเผยเมื่อเกือบ 1 สัปดาห์ที่แล้วว่าเขามีผลตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาออกมาเป็นบวก นอกจากนั้นเขาพูดด้วยว่า เขาหยุด “รับการรักษาแทบทั้งหมด” เกี่ยวกับไวรัสแล้ว แต่ยังคงรับยาสเตียรอยด์อยู่
การที่ทรัมป์อ้างว่าตนเองไม่ได้เป็นโรคติดต่อแล้วนั้น ยังไม่ได้รับการหนุนหลังด้วยหลักฐานหนักแน่นใดๆ จากทีมแพทย์ของเขา ขณะที่ทำเนียบขาวยังคงปฏิเสธไม่พูดว่าเขามีผลตรวจไวรัสนี้ออกมาเป็นลบครั้งสุดท้ายเมื่อใด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเขาติดเชื้อมาได้กี่วันแล้ว
ทรัมป์ยังกล่าวปฏิเสธไม่ยอมรับประกาศของคณะกรรมการจัดการโต้วาทีของผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ว่า การดีเบตครั้งที่ 2 ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 15 เดือนนี้ จะจัดในรูปแบบเสมือนจริงที่คู่แข่งขันอยู่ในสถานที่ห่างไกลกัน การตัดสินใจของคณะกรรมการมีขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่ายังจะมีดีเบตกันได้ไม่ว่าทรัมป์จะปลอดเชื้อไวรัสแล้วหรือยัง
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันพุธ (7) ทรัมป์ได้กลับเข้าทำงานในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาว ซึ่งเห็นกันว่าเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามอย่างหนักของเขาพื่อสร้างภาพว่า เขาหายจากโควิด-19 และนี่เป็นชัยชนะของตัวเขาเอง ทั้งนี้ เขาบอกด้วยว่า อาจเป็นพรจากพระเจ้าที่ทำให้ตัวเองติดไวรัสโคโรนา หลังจากย้ำก่อนหน้านี้ว่า โควิดไม่น่ากลัว
ทรัมป์เผยว่า การใช้ยาต้านไวรัสหลายขนานซึ่งเป็นวิธีรักษาที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้แม้ในกรณีฉุกเฉิน ทำให้เขาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งยังบอกว่า อยากให้ชาวอเมริกันได้รับการรักษาแบบเดียวกับตนฟรี แต่ไม่ได้ระบุว่า จะทำได้อย่างไรและใครจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย โดยขณะนี้อเมริกามีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันวันละมากกว่า 44,000 คน
ขณะเดียวกัน หลังมีคำแถลงออกมาหลายฉบับที่สร้างความสับสนแล้ว เจ้าหน้าที่อาวุโสในคณะบริหารคนหนึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ทรัมป์กลับเข้าทำงานในห้องทำงานรูปไข่แล้วในวันพุธ โดยมีเจ้าหน้าที่อยู่ด้วยในจำนวนจำกัดมาก
วันเดียวกันนั้น คณะแพทย์แถลงว่า ทรัมป์ไม่มีอาการโควิด-19 ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และไม่มีไข้ติดต่อกัน 4 วัน รวมทั้งไม่ต้องให้ออกซิเจนเพิ่มนับจากที่ให้ไปตอนที่เข้าโรงพยาบาลช่วงแรกเมื่อวันศุกร์ (2)
ทรัมป์ ประกาศว่า จะกลับไปหาเสียงเร็วๆ นี้ รวมถึงโต้วาทีรอบสองกับโจ ไบเดน ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ในวันที่ 15 ที่จะถึง ที่เมืองไมอามี
ทว่า ไบเดนที่ยังคงมีคะแนนนิยมนำหน้าทรัมป์ก่อนที่จะถึงกำหนดเลือกตั้งในวันที่ 3 พฤศจิกายน บอกว่า จะไม่ดีเบตด้วยถ้าทรัมป์ยังไม่หายป่วย พร้อมกันนี้ เขายังโจมตีว่า การจัดการวิกฤตไวรัสของทรัมป์ที่มีคนตายในอเมริกากว่า 210,000 คนถือเป็นโศกนาฏกรรม
สอดคล้องกับบทบรรณาธิการของวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ ที่กล่าวหาว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ล้มเหลวอย่างรุนแรงในการรับมือวิกฤตโควิด-19 จนกลายเป็นโศกนาฏกรรม
ทั้งนี้ โพลล่าสุดของซีเอ็นเอ็นชี้ว่า ไบเดนชนะใส โดยอดีตรองประธานาธิบดีผู้นี้ได้คะแนนนิยมในหมู่ผู้ที่มีแนวโน้มออกไปเลือกตั้ง 57% ต่อ 41% และ 66% ในหมู่ผู้หญิงที่มีสิทธิเลือกตั้ง ส่วนทรัมป์ได้ 32% นอกจากนั้น ไบเดนยังมีคะแนนนำในรัฐที่เป็นสนามเลือกตั้งสำคัญ
โพลของรอยเตอร์/อิปซอสส์ ที่จัดทำเมื่อวันศุกร์ถึงวันอังคาร (2-6) ยังพบว่า คนวัยผู้ใหญ่ 56% ไม่เห็นด้วยกับการจัดการไวรัสของทรัมป์ มีเพียง 38% ที่เห็นด้วย และ 2 ใน 3 เชื่อว่า ทรัมป์คงไม่ติดโควิดถ้าระมัดระวังตัวจริงจัง แทนที่จะละเมิดคำแนะนำในการสวมหน้ากากและการเว้นระยะห่างทางสังคม
พฤติกรรมการดูเบาวิกฤตโรคระบาดของทรัมป์กำลังถูกจับตาอย่างใกล้ชิด ขณะที่มีผู้ติดเชื้อในทำเนียบขาวและสถานที่อื่นๆ ในวอชิงตันเพิ่มขึ้น โดยเครือข่ายโทรทัศน์ เอบีซี นิวส์ รายงานเมื่อวันพุธ โดยอ้างบันทึกภายในที่แจกจ่ายในกลุ่มผู้นำอาวุโสของสำนักงานจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน (ฟีมา) ในสังกัดกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ว่า มีเจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาวและผู้ติดต่ออื่นๆ 34 คนติดโควิดในช่วงไม่กี่วันมานี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ที่ปรึกษาอาวุโสของทรัมป์
ทั้งนี้ โฮป ฮิกส์ และ สตีเฟน มิลเลอร์ เป็นผู้ช่วยอาวุโส 2 คนของประธานาธิบดีที่ออกมายอมรับว่า ติดโควิดในช่วงไม่กี่วันมานี้
บันทึกนี้ตอกย้ำว่า ไวรัสโคโรนาระบาดในทำเนียบขาวมากกว่าที่เคยคิดกัน รวมทั้งระยะเวลาที่เจ้าหน้าที่คณะบริหารพยายามปิดบังข้อมูลนี้ โดยก่อนหน้านี้ เอบีซีนิวส์ เคยรายงานว่า มีผู้ช่วยในทำเนียบขาวและผู้ติดต่ออื่นๆ 24 คนติดโควิด
อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า “ผู้ติดต่ออื่นๆ” ในบันทึกของฟีมาหมายถึงใคร
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอบีซีนิวส์)