ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กลับเข้าไปทำงานในห้องทำงานรูปไข่ในวันพุธ (7 ต.ค.) หรือ 6 วันหลังจากมีผลตรวจโควิด-19 ออกมาเป็นบวก ทั้งที่ทำเนียบขาวก็กำลังเผชิญกับระลอกคลื่นของการแพร่ระบาด พบผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 20 คน
ไบรอัน มอร์เกนสเติร์น โฆษกของทรัมป์เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีรายนี้ได้รับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และพัฒนาการของเฮอร์ริเคนเดลตา ที่มุ่งหน้าสู่ชายฝั่งอ่าวสหรัฐฯ
พฤติกรรมของประธานาธิบดี ซึ่งเข้ารักษาตัวจากการติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันศุกร์ (2 ต.ค.) แต่ออกจากโรงพยาบาลในวันจันทร์ (5 ต.ค.) กำลังถูกจับตามองอย่างเข้มข้น เนื่องจากขณะเดียวกันนั้น พบเห็นคณะทำงานในทำเนียบขาวมีผลตรวจเชื้อออกมาเป็นบวกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
การออกจากโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับแนวทางรับมือกับโรคระบาดใหญ่ที่คร่าชีวิตผู้คนในสหรัฐฯแล้วกว่า 210,000 คน โหมกระพือข้อถกเถียงในวงกว้าง
ไม่กี่นาทีหลังลงจากเฮลิคอปเตอร์ ทรัมป์เดินขึ้นบันไดทำเนียบขาวและถอดหน้ากากออกในทันที แถมก่อนหน้านั้นไม่นาน เขายังทวีตว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ไม่มีอะไรน่ากลัว “จงอย่าปล่อยให้มันครอบงำชีวิตคุณ จงอย่ากลัวมัน”
ในวันพุธ (7ต.ค.) คณะแพทย์ของทรัมป์รายงานว่า ประธานธิบดีรายนี้ไม่มีอาการใดๆ ของโควิด-19 เป็นเวลา 24 ชั่วโมงแล้ว และเขาไม่มีไข้มานานกว่า 4 วัน “ในตอนเช้าวันนี้ ท่านประธานาธิบดีพูดว่า ท่านรู้สึกดีมาก” ฌอน คอนลีย์ แพทย์ประจำทำเนียบขาวกล่าวในแถลงอัปเดตประจำวัน
ทรัมป์ ประกาศว่า จะกลับสู่การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเร็วๆ นี้ และจะเข้าร่วมศึกดีเบตประธานาธิบดีรอบสองกับ โจ ไบเดน คู่แข่งจากเดโมแครต ที่ไมอามี ในวันที่ 15 ตุลาคม
การคืนสู่ห้องทำงานรูปไข่ของทรัมป์ มีขึ้นท่ามกลางระลอกคลื่นการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในทำเนียบขาว ทั้งในระดับผู้ช่วยทางทหารและสื่อสารมวลชน โดยสำนักข่าวเอบีซีนิวส์รายงานว่า จากการนับของพวกเขาพบว่าเวลานี้จำนวนผู้ติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับทำเนียบขาวอยู่ที่ 23 คน ในนั้นรวมถึง ทรัมป์ และ เมลาเนีย ภรรยาของเขา
ประธานาธิบดี ทรัมป์ พยายามกล่าวอ้างตนเองในฐานะเป็นผู้พิชิตโรคร้ายและกลับมาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม และบอกอเมริกันชนว่าอย่ากลัวโควิด-19 อย่างไรก็ตาม แนวทางการรับมือกับโรคระบาดใหญ่ของเขา กลับก่อความรู้สึกเคลือบแคลงสงสัยแก่อเมริกันชนจำนวนมาก
ผลสำรวจความคิดเห็นของรอยเตอร์/อิปซอส ซึ่งจัดทำระหว่างวันที่ 2-6 ตุลาคม พบว่ามีผู้ใหญ่ 38% ที่พอใจกับการรับมือกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของทรัมป์ แต่มีถึง 56% ที่บอกว่าไม่พอใจ
โพลยังพบว่า 79% ของผู้ใหญ่สหรัฐฯ บอกว่า พวกเขารู้สึกกังวลมากหรือค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัส
คณะที่ปรึกษาแนะว่าทรัมป์ต้องหันไปพูดถึงประเด็นอื่นๆ แทนการแพร่ระบาดของไวรัส ในช่วงนี้ของการรณรงค์หาเสียง เพื่อก่อแรงกดดันแก่ ไบเดน หลังจากผลสำรวจความคิดเห็นต่างๆ พบว่า ทรัมป์ มีคะแนนนิยมตามหลังด้วยตัวเลข 2 หลัก และไบเดน มีคะแนนนิยมนำหน้าอยู่พอควรในรัฐสมรภูมิหลายๆ รัฐ
(ที่มา : เอเอฟพี/รอยเตอร์)