ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เรียกเสียงฮือฮาอีกครั้งเมื่อวานนี้ (15 ก.ย.) หลังออกมาให้สัมภาษณ์ว่าสหรัฐฯ จะมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 พร้อมใช้งานในอีกเพียง 3-4 สัปดาห์
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับเอบีซีนิวส์ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย ทรัมป์ ยังคงปกป้องมาตรการรับมือโควิด-19 ของรัฐบาล และอ้างว่าสหรัฐฯ จะมีวัคซีนตัวหนึ่งที่พร้อมใช้งานก่อนถึงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.
“เราใกล้จะมีวัคซีนเต็มทีแล้ว... ถ้าคุณต้องการทราบความจริง รัฐบาลชุดก่อนอาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะผลิตวัคซีนได้ เพราะต้องรอไฟเขียวจากสำนักงานอาหารและยา (FDA) และผ่านขั้นตอนอีกสารพัด แต่วันนี้เรากำลังจะมีวัคซีนใช้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า อาจจะแค่ 3-4 สัปดาห์” ทรัมป์ กล่าว
ดร.แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อและโรคภูมิแพ้แห่งชาติสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นเมื่อต้นเดือนนี้ว่า ผู้เชี่ยวชาญจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าจะมีวัคซีนอย่างน้อย 1 ตัวที่พร้อมใช้งานในราวๆ เดือน พ.ย. หรือ ธ.ค.
“การมีวัคซีนใช้ในเดือน ต.ค. ก็เป็นสิ่งที่พอจะคิดได้ แต่ส่วนตัวผมเองไม่เชื่อเช่นนั้น” เฟาซี กล่าว
ทั้งนี้ ยังผู้เชี่ยวชาญอีกจำนวนมากที่ระบุว่าจะต้องรอถึงต้นปี 2021 กว่าโลกจะมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ผ่านการรับรองประสิทธิภาพในเชิงวิทยาศาสตร์
ทรัมป์ บอกกับพิธีกรเอบีซีนิวส์ว่า การที่ตนสั่งห้ามผู้เดินทางจากจีนและยุโรปเข้าสหรัฐฯ ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดใหม่ๆ ช่วยรักษาชีวิตชาวอเมริกันได้นับแสน หรืออาจจะเป็นล้านคนด้วยซ้ำ
ทรัมป์ ยังกล่าวปกป้องชาวอเมริกันที่ไม่ยอมสวมหน้ากากและเพิกเฉยต่อมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม โดยอ้างว่าแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญโรคระบาดอย่าง เฟาซี ก็ยังเปลี่ยนคำแนะนำเกี่ยวกับแนวปฏิบัติดังกล่าว
ทรัมป์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักที่จัดการปราศรัยรวมคนจำนวนมากที่เนวาดาและอีกหลายรัฐ โดย นพ.เฟาซี ถึงกับเอ่ยเตือนว่าการทำเช่นนี้ถือว่าสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่ง
โจ ไบเดน ผู้สมัครชิงประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต กล่าวหา ทรัมป์ ว่า “ละทิ้งหน้าที่” ในการจัดการวิกฤตโรคระบาดใหญ่ และทำให้อเมริกาต้องสูญเสียงานไปนับล้านๆ ตำแหน่ง
ยอกผู้ติดเชื้อสะสมในสหรัฐฯ เวลานี้พุ่งสูงเกือบ 6.6 ล้านคน หรือคิดเป็นราวๆ 20% ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลก แม้ว่าสหรัฐฯ จะมีสัดส่วนประชากรเพียง 4% ของประชากรโลกก็ตามที
ทรัมป์ ชี้ว่าสาเหตุที่สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อสูงเป็นอันดับ 1 ก็เนื่องจากมีการตรวจคัดกรองมากกว่าประเทศอื่นๆ และยังย้ำสิ่งที่เคยพูดเอาไว้เมื่อตอนโควิด-19 แพร่ระบาดใหม่ๆ ว่าไวรัส “จะหายไปเอง” ได้ในที่สุด
ผู้ฟังสัมภาษณ์คนหนึ่งได้ถาม ทรัมป์ ว่า เหตุใดเขาจึง “ปฏิเสธความร้ายแรง (downplay) ของโรคระบาดซึ่งกำลังเล่นงานครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและชุมชนคนกลุ่มน้อยในอเมริกามากที่สุด” ซึ่ง ทรัมป์ ก็ตอบว่า “ผมไม่ได้ปฏิเสธความรุนแรงของมัน และอันที่จริงแล้วผมให้ความสำคัญกับมันมากเป็นพิเศษ (up-play) ด้วยซ้ำในแง่ของการตอบสนอง ผมมีมาตรการที่เข้มแข็งมากๆ”
ผู้นำสหรัฐฯ ยังโดนชาวเน็ตเยาะเย้ยอย่างสนุกปาก หลังจากที่เขาให้สัมภาษณ์กับเอบีซีว่า การได้รับวัคซีนจะทำให้ชาวอเมริกันมี ‘herd mentality’ หรือ ‘เชาวน์ปัญญาหมู่’ ซึ่งอันที่จริงแล้ว ทรัมป์ น่าจะตั้งใจพูดถึง ‘herd immunity’ หรือ 'ภูมิคุ้มกันหมู่' มากกว่า
“มันจะหายไปเองได้โดยไม่ต้องมีวัคซีน แต่ถ้ามีวัคซีนมันก็จะยิ่งหายไปเร็วขึ้น” ทรัมป์ กล่าว “แล้วพวกคุณก็จะเกิดเชาวน์ปัญญาหมู่”
ที่มา: รอยเตอร์
