รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ และ ส.ว.คามาลา แฮร์ริส ขึ้นเวทีดีเบตระหว่างคู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจัดขึ้นเพียงครั้งเดียวเมื่อค่ำวันพุธ (7 ต.ค.) ที่ผ่านมา โดยหัวข้อหลักที่ทั้ง 2 ฝ่ายนำมาโต้เถียงกันอย่างดุเดือดก็คือแนวทางการรับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งกลายเป็นประเด็นร้อนที่สังคมจับตามอง หลังผู้นำสหรัฐฯ และบุคคลใกล้ชิดอีกนับสิบคนติดเชื้อโควิด-19
การประชันวิสัยทัศน์ระหว่าง เพนซ์ และ แฮร์ริส ที่มหาวิทยาลัยยูทาห์ ในเมืองซอลต์เลกซิตี ให้บรรยากาศที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากศึกดีเบตนัดแรกระหว่างคู่ชิงประธานาธิบดีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากเป็นการอภิปรายที่เน้นหนักไปในเรื่องของนโยบายจริงๆ โดย แฮร์ริส นั้นพุ่งเป้าโจมตีรัฐบาลทั้งในด้านสาธารณสุข, ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ รวมถึงนโยบายต่างประเทศ ในขณะที่ เพนซ์ ก็พยายามปกป้องผลงานของรัฐบาลรีพับลิกันในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
“ชาวอเมริกันได้เห็นถึงความล้มเหลวครั้งใหญ่ที่สุด ยิ่งกว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีคนไหนๆ ในประวัติศาสตร์ของชาติเรา” แฮร์ริสกล่าว
เพนซ์ แย้งกลับด้วยการโทษ ‘จีน’ ว่าเป็นต้นตอของโควิด-19 พร้อมชูผลงานการรับมือโรคระบาดของทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการที่ผู้นำสหรัฐฯ ตัดสินใจห้ามผู้เดินทางจากจีนเข้าอเมริกาในช่วงปลายเดือน ม.ค.
“ผมอยากให้ชาวอเมริกันทุกคนได้ทราบว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพของพลเมืองสหรัฐฯ มาเป็นอันดับ 1 ตั้งแต่วันแรก” เพนซ์กล่าว
ผู้อภิปรายทั้งสองถูกจัดให้ยืนห่างกันประมาณ 3.6 เมตร โดยมีแผ่นอะคริลิกใสกั้น ซึ่งเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงโรคระบาดที่คร่าชีวิตชาวอเมริกันไปแล้วกว่า 210,000 คน และทำลายเศรษฐกิจสหรัฐฯ พังยับเยิน
แฮร์ริส ยังวิจารณ์เรื่องที่ ทรัมป์ พยายามยกเลิกกฎหมายประกันสุขภาพ Affordable Care Act หรือ ‘โอบามาแคร์’ ในช่วงที่เกิดโรคระบาด และอ้างถึงรายงานของนิวยอร์กไทม์สที่แฉว่า ทรัมป์ จ่ายภาษีแค่ 750 ดอลลาร์ หรือประมาณ 23,000 บาท ระหว่างปี 2016-2017
“ตอนที่ได้ยินครั้งแรก ดิฉันยังตกใจว่าคุณหมายถึง 750,000 ดอลลาร์หรือเปล่า? แต่แล้วก็... ไม่ใช่หรอก... 750 ดอลลาร์ถูกแล้ว”
เพนซ์ พยายามเบนประเด็นโดยหันไปโฟกัสเรื่องผลงานด้านเศรษฐกิจและนโยบายลดภาษีของทรัมป์
“โจ ไบเดน จะเก็บภาษีพวกคุณเพิ่มตั้งแต่วันที่ 1” รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าว ขณะที่ แฮร์ริส โต้กลับว่า ไบเดน ประกาศจะไม่เก็บภาษีเพิ่มจากพลเมืองที่มีรายได้ต่ำกว่า 400,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี
เพนซ์ ยังอ้างว่า หาก โจ ไบเดน ได้เป็นประธานาธิบดีก็จะสั่งห้ามการสำรวจน้ำมันโดยการขุดเจาะชั้นหินด้วยแรงดันน้ำ (fracking) และสนับสนุน Green New Deal ซึ่งเป็นข้อเสนอด้านสิ่งแวดล้อมที่มุ่งเน้นพลังงานสะอาดและมาตรการลดโลกร้อน ทว่าที่จริงแล้ว ไบเดน เคยออกมาปฏิเสธชัดเจนว่าไม่ได้มีจุดยืนเช่นนั้น
ในประเด็นเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 แฮร์ริส บอกกับ ซูซาน เพจ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการจาก USA Today ว่า เธอเชื่อถือคำพูดของนักวิทยาศาสตร์เท่านั้น และไม่ให้น้ำหนักกับคำแถลงของทรัมป์ ซึ่งเคยออกมาโปรโมตวิธีการรักษาที่ไร้ข้อพิสูจน์มาแล้วในอดีต
“ถ้าแพทย์ยืนยันว่าเราควรจะฉีด ดิฉันก็จะเป็นคนแรกที่ฉีดวัคซีนอย่างแน่นอน” เธอกล่าว “แต่ถ้า โดนัลด์ ทรัมป์ บอกให้ฉีด ดิฉันไม่เอา”
เพนซ์ วิจารณ์ ส.ว.หญิงเดโมแครตว่ากำลังทำลายความน่าเชื่อถือของวัคซีนในสายตาประชาชน “ผมว่ามันไร้เหตุผลนะ หยุดใช้ชีวิตคนเป็นเครื่องมือทางการเมืองเสียทีเถอะ”
แฮร์ริส ซึ่งเป็นสตรีผิวสีคนแรกที่ได้เป็นผู้แทนพรรคการเมืองหลักในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังยกประเด็นความขัดแย้งทางเชื้อชาติขึ้นมาโจมตีทรัมป์ โดยระบุว่า ทรัมป์ ละทิ้งโอกาสในการประณามพวกคลั่งผิวขาว (white supremacists) ระหว่างที่ดีเบตกับ โจ ไบเดน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่ง เพนซ์ ก็เถียงกลับว่าสื่อมวลชนยกเอาคำพูด ทรัมป์ ไปรายงานโดยไม่อิงบริบท และยืนยันว่าผู้นำสหรัฐฯ ปฏิเสธพวกเหยียดผิวเหล่านี้
แฮร์ริส ซึ่งเป็น ส.ว.จากรัฐแคลิฟอร์เนียได้รับเลือกจาก ไบเดน ให้เป็นคู่ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเดือน ส.ค. เธอเกิดในครอบครัวผู้อพยพที่บิดาเป็นชาวจาเมกาและมารดาเป็นชาวอินเดีย และก่อนจะได้มาเป็นสตรีผิวสีและชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียคนแรกที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ
สำหรับ ไมค์ เพนซ์ นั้นเคยเป็นอดีตนักจัดรายการวิทยุสายอนุรักษนิยม ก่อนจะดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐอินดีแอนาในช่วงระหว่างปี 2013-2017 และเป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ออกมาปกป้อง ทรัมป์ อย่างสุดลิ่มทิ่มประตูตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
ที่มา : รอยเตอร์