วันที่ 10 ตุลาคมเป็นวันชาติไต้หวัน ชาวไต้หวันมีความภาคภูมิใจในความสำเร็จในหลาย ๆ ด้าน แต่สิ่งที่น่าจับใจของชาวไต้หวัน คือ ระบอบประชาธิปไตยที่เฟื่องฟู พันธกิจในการปกป้องสิทธิมนุษยชน และความสำเร็จของมาตรการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) หรือ “โมเดลไต้หวัน” และเศรษฐกิจที่มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ไต้หวันได้แสดงให้เห็นถึงหลักการประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ โดยการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 14 ล้านคน (คิดเป็นร้อยละ 74.9 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด) รัฐบาลไต้หวันได้สัญญาว่า จะจัดตั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน และลดเกณฑ์อายุของผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้เป็นอายุ 18 ปีบริบูรณ์ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชนมีสิทธิที่จะแสดงความเห็นต่อรัฐบาลมากขึ้น ดังนั้นชาวไต้หวันรู้สึกยินดีกับความเข้มแข็งและความมั่นคงของระบอบประชาธิปไตยในประเทศและเป็นแบบอย่างที่เฉิดฉายไปทั่วโลก
นอกจากความพยายามที่จะทำให้ประชาธิปไตยมีความเข้มแข็งมากขึ้นแล้ว เศรษฐกิจของไต้หวันก็ยังเติบโตภายใต้ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกลอีกด้วย โดยการผลักดันโครงการ 6 อุตสาหกรรมหลักเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นนโยบายที่ต่อยอดมาจากโครงการอุตสาหกรรมนวัตกรรม 5+2 ซึ่งได้วางวิสัยทัศน์อันกว้างที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมที่สำคัญของไต้หวัน ประกอบด้วย อุตสาหกรรมสารสนเทศและดิจิทัล (Information and Digital) อุตสาหกรรมความมั่นคงและความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพและวิทยาศาสตร์การแพทย์ (Biotech and Medical) อุตสาหกรรมเทคโนโลยีการป้องกันประเทศ (National Defense) อุตสาหกรรมพลังงานสีเขียวและพลังงานหมุนเวียน (Green and Renewable Energy) และอุตสาหกรรมห่วงโซ่อุปทาน (Strategic Stockpile) และด้วยนิสัยความเป็นนักลงทุนของชาวไต้หวันก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะรับประกันความสำเร็จของนโยบายและวิสัยทัศน์นี้ เนื่องจากไต้หวันมีศักยภาพดีเพียงพอที่จะมุ่งสู่การเติบโตและความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ พร้อมกับคว้าโอกาสในยุคต่อไป
ถึงแม้ว่าไต้หวันจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปีนี้ แต่ไต้หวันก็จะยังคงเฉลิมฉลองวันชาติไต้หวันด้วยความมั่นใจความภาคภูมิใจ และความหวังเพื่อที่ไต้หวันจะได้ใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไต้หวันได้ต่อสู้กับโรคโควิด-19 และได้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม ความสำเร็จนี้ได้สร้างความร่วมมือและพันธมิตรทั่วโลก การแบ่งปันประสบการณ์ด้านการจัดการกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการส่งเวชภัณฑ์พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นเพื่อช่วยเหลือประเทศต่างๆ ที่ประสบปัญหาเดียวกัน ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับไต้หวันในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดียิ่งขึ้นกับนานาประเทศ
ประโยคว่า “Taiwan Can Help” หรือ “ไต้หวันช่วยได้” ได้เปลี่ยนเป็นประโยคที่ช่วยชีวิตผู้คนที่ถูกพูดถึงไปทั่วโลก และในฐานะที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศพันธมิตรที่สำคัญของไต้หวันภายใต้นโยบายมุ่งใต้ใหม่ (New Southbound Policy) ซึ่งเป็นนโยบายที่สนับสนุนให้ไต้หวันมีปฏิสัมพันธ์กับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้นนั้น หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนของไต้หวันได้บริจาคหน้ากากอนามัยจำนวน 1.2 ล้านชิ้นให้แก่ประเทศไทย แทนความรักและความห่วงใยจากชาวไต้หวัน สิ่งนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างสองฝ่าย แต่ยังแสดงให้เห็นถึงแนวคิด “Taiwan is Helping” หรือ “ไต้หวันกำลังช่วยเหลืออยู่” อีกด้วย
เนื่องในโอกาสพิเศษนี้ ดร.หลี่ หยิง-หยวน (Dr. Lee, Ying-Yuan) ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทยคนใหม่ ขอเชิญชวนให้ชาวไทยร่วมเฉลิมฉลองวันชาติไต้หวัน โดยการส่งข้อความแสดงความยินดีและคำอวยพรผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก/Facebook: TaiwanInThailand และทวิตเตอร์/Twitter: Taiwan_Thailand