ผู้นำไต้หวันวอน ‘สี จิ้นผิง’ หยุดกระพือความตึงเครียด-ไม่ใช้อำนาจครอบงำ

ประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน แห่งไต้หวันเรียกร้องไปยังประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนในวันนี้ (10 ต.ค.) ให้หยุดกระพือความตึงเครียดทางทหาร และรักษาสัญญาที่ว่าจะไม่ใช้อำนาจครอบงำ (hegemony) หลังจากที่ปักกิ่งส่งฝูงบินรบเข้าไปป่วนน่านฟ้าไต้หวันอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวันชาติไต้หวัน ประธานาธิบดี ไช่ ระบุว่า “การขยายอิทธิพลครอบงำ” โดยจีนกำลังสร้างความวิตกกังวลต่อประชาคมโลก

จีนถือว่าไต้หวันซึ่งเป็นเกาะประชาธิปไตยที่มีอำนาจปกครองตนเองยังคงมีสถานะเป็นเพียง “มณฑล” หนึ่งของตน และไม่เคยปฏิเสธการใช้กำลังทหารเข้ายึดไต้หวันกลับมาอยู่ภายใต้การปกครอง

อย่างไรก็ตาม ไช่ ชี้ว่าสุนทรพจน์ที่ประธานาธิบดี สี กล่าวบนเวทีสหประชาชาติเมื่อเร็วๆ นี้ทำให้ชาวไต้หวันพอจะมีความหวังอยู่บ้าง

“ดิฉันยังตระหนักด้วยว่า ผู้นำซึ่งอยู่อีกฝั่งของช่องแคบ (สี) ได้กล่าวสุนทรพจน์ผ่านคลิปวิดีโอต่อที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติว่า จีนจะไม่มีวันใช้อำนาจครอบงำหรือแผ่ขยายอิทธิพล เราหวังว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง”

“เรามีความมุ่งมั่นที่จะธำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพระหว่างช่องแคบ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ไต้หวันฝ่ายเดียวจะทำได้ มันคือความรับผิดชอบร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย”

รัฐบาลจีนหันมาใช้นโยบายข่มขู่กดดันไต้หวันหนักขึ้นในยุคของ สี จิ้นผิง ผู้ซึ่งเคยประกาศว่าการรวมเป็นหนึ่งระหว่างไต้หวันกับจีนแผ่นดินใหญ่คือสิ่งที่ “ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้”

ไช่ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้นำมาแล้ว 2 สมัยตั้งแต่ปี 2016 ยืนยันว่าบ้านเมืองของเธอเป็นรัฐเอกราช และไม่ยอมรับจุดยืนของปักกิ่งที่ถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของ “จีนเดียว”

ปฏิบัติการข่มขู่ไต้หวันโดยกองทัพจีนทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพิเศษในปีนี้ โดยมีการส่งฝูงเครื่องบินขับไล่ข้ามช่องแคบเข้าไปในเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) ของไต้หวันถี่ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และบางครั้งถึงขั้นข้ามเส้นมัธยะ(median line) ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนในช่องแคบไต้หวันด้วย

เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศจีนระบุเมื่อเดือน ก.ย. ว่าเส้นมัธยะที่ว่านั้น “ไม่มีอยู่จริง” เนื่องจาก “ไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีนที่ไม่อาจถูกแบ่งแยกได้”

คำพูดดังกล่าวเรียกเสียงประณามอย่างรุนแรงจากรัฐบาลไทเป

ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ (9) ฝูงบินขับไล่จีนก็ได้รุกล้ำเข้าไปในเขต ADIZ ของไต้หวันเป็นครั้งที่ 7 ในเดือนนี้ และติดต่อกัน 4 วันในรอบสัปดาห์

ไช่ ยืนยันว่าไต้หวัน “จะไม่กระทำการบุ่มบ่าม” และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อลดความเสี่ยงในการเผชิญหน้าทางทหาร

“ตราบใดที่ทางการปักกิ่งยังเต็มใจที่จะลดความเป็นปรปักษ์ และปรับปรุงความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบ เราก็พร้อมที่จะทำงานร่วมด้วยเพื่อนำไปสู่การเจรจาที่มีความหมาย”

ที่มา: เอเอฟพี