เมื่อ 20 ปีที่แล้วมีนักร้องหนุ่มคนหนึ่งเปิดตัวในวงการเพลงไต้หวัน และใช้เวลาไม่นานในการก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินที่ดังที่สุดคนหนึ่งของวงการเพลงภาษาจีนที่ไม่ได้หมายถึงแค่ไต้หวันแล้ว แต่หมายรวมถึงทั้งฮ่องกง, จีนแผ่นดินใหญ่ และประเทศอื่น ๆ ที่มีคนพูดภาษาจีนทั้งหมด
พูดได้ว่าในรอบ 2 ทศวรรษนี้ โจว เจี๋ยหลุน หรือ เจย์ โจว คือศิลปินที่ดังที่สุดคนหนึ่งในวงการบันเทิงจีน เป็นนักร้องที่มีรายได้สูงเป็นอันดับต้น ๆ คอนเสิร์ตขายหมดทุกรอบ ธุรกิจต่าง ๆ ที่เขาทำก็มักจะประสบความสำเร็จไปหมด เรียกว่าเป็นซูเปอร์สตาร์ตัวจริงของวงการบันเทิงหลังปี 2000 ตัวจริงคนหนึ่งเลยทีเดียว แต่นอกจากผลงานในวงการเพลงแล้ว เจย์ โจว ก็ยังประสบความสำเร็จไม่น้อยเหมือนกัน
เจย์ โจว เริ่มเปิดตัวในวงการภาพยนตร์ด้วยการแสดงเป็นตัวเองในหนังเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Hidden Track ที่เล่าเรื่องของการตามหาเพลงพิเศษระดับแรร์ไอเทมของศิลปินดังแห่งไต้หวันซึ่งก็คือตัวของเขานั่นเอง โดย เจย์ โจว มาปรากฏตัวเป็นแขกรับเชิญในตอนท้ายเรื่องเพียงฉากเดียวเท่านั้น แต่ตอนนั้นก็ถือว่าฮือฮาทีเดียว
จนอีก 2 ปี เขาจึงได้รับงานแสดงอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก ในหนังที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นสุดฮิต Initial D
แม้ทักษะการแสดงจะอยู่ในระดับจำกัด แต่บทนักซิ่งรถส่งเต้าหู้พูดน้อย และไม่ค่อยแสดงอารมณ์ ในหนังเรื่องนี้กลับเข้ากับบุคลิกส่วนตัวของ เจย์ โจว มาก ๆ หนังก็เลยออกมาลงตัวพอสมควร Initial D เป็นผลงานของ แอนดรู เลา กับ อลัน มัก ที่ตอนนั้นกำลังมือขึ้นสุด ๆ จาก Infernal Affairs หนังก็เลยยิ่งดังขึ้นไปอีก Initial D ประสบความสำเร็จแบบสุด ๆ ทำเงินมหาศาล ตัวของ เจย์ โจว ยังไปไกลถึงขั้นคว้ารางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมได้ทั้งบนเวที ม้าทองคำ และบนเวทีตุ๊กตาทองฮ่องกงด้วย
ตอนนั้นเรียกได้ว่า เจย์ โจว กลายเป็นนักแสดงเต็มตัวไปเลยก็ว่าได้ เขารับเล่นหนังติด ๆ กันแทบทุกปี ได้ร่วมงานกับผู้กำกับชื่อดังมากมาย รวมถึงได้เล่นหนังกำลังภายในของคนทำหนังแถวหน้าของจีนอย่าง จางอี้โหมว ด้วย
จนในหนังเรื่องที่ 3 เจย์ โจว ก็ก้าวหน้าไปอีกขั้นด้วยการลองกำกับหนังเองดูเป็นเรื่องแรก ด้วยการเลือกทำในสิ่งที่เขาถนัดที่สุดอย่างการทำหนังเกี่ยวกับดนตรีนั่นเอง Secret เป็นหนังรักเหลื่อมเวลาอย่างที่ฮิตสุด ๆ ในวงการหนังเอเชียช่วงนั้น แต่ เจย์ โจว ก็สามารถสร้างความแตกต่างให้กับหนังเรื่องนี้ได้ด้วยการใช้ดนตรีเข้ามาเป็นองค์ประกอบสำคัญของหนัง จน Secret ได้รับคำชมไปไม่น้อย และก็ยังประสบความสำเร็จอีกเช่นเคย โดยเฉพาะฉากดวลดนตรีที่น่าตื่นเต้นอย่างกับหนังบู๊ก็ว่าได้
แต่ในช่วงที่กำลังรุ่งสุด ๆ อยู่นั่นเอง เส้นทางในวงการหนังของ เจย์ โจว ก็เริ่มมีสะดุดให้เห็น จากการรับเล่นหนังของผู้กำกับขาใหญ่ของไต้หวันอย่างเควิน จู ที่ได้ชื่อว่าทำหนังเน้นเอาเงินอย่างเดียวไอเดียไม่สน Kung Fu Dunk เรื่องนี้ก็เลยเป็นไปได้แค่หนังลอกเลียน Kung Fu Soccer ที่ไม่มีอะไรน่าจดจำเลย
เช่นเดียวกับงานอีกเรื่องของผู้กำกับคนเดียวกัน The Treasure Hunter หนังแอ็กชั่นแฟนตาซีที่แทบจะหาดีอะไรไม่ได้ นอกจากรวมดาราดัง ๆ เอาไว้หลายคน จนช่วงเวลา 2008 – 2009 เป็นปีที่หนังของ เจย์ โจว ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย
เจย์ โจว หายหน้าจากวงการหนังไป 2 ปี ก่อนจะรีเทิร์นอย่างยิ่งใหญ่คราวนี้รับเล่นหนังฮอลลีวุดกันเลยทีเดียวกับ The Green Hornet หนังซูเปอร์ฮีโร่ที่มี เซ็ธ โรเจน รับบทนำเป็น “ไอ้แตนอาละวาด” แถมไม่ได้มาแค่ผ่าน ๆ พูดไม่กี่คำ แต่เล่นเป็นหนึ่งในตัวนำของเรื่องด้วย แม้สุดท้ายหนังจะไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากนัก แต่ก็เป็นงานที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับนักร้องชาวไต้หวันอย่างเขา
หลังจากนั้น เจย์ โจว ยังคงรับงานอยู่อีกปีสองปี ได้เล่นหนังแอ็กชั่นฟอร์มใหญ่ของทางฮ่องกงเรื่อง The Viral Factor ของผู้กำกับดังเต้แลม
จนในปี 2013 เจย์ โจว จึงได้กลับมากำกับหนังอีกครั้ง เขายังเลือกที่จะทำหนังเกี่ยวกับดนตรีตามถนัดเหมือนเดิม แต่คราวนี้ทำออกมาเป็นแนวมิวสิคเคิลเลย แถมยังผสมคิวบู๊แบบกังฟูอย่างที่เจ้าตัวชอบเข้ามาด้วย จนกลายเป็นหนังที่ไม่เคยมีใครทำ และยากที่จะนิยามว่าเป็นแนวอะไรกันแน่ เสียดายที่ผลออกมาแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับหนังเรื่องแรก Rooftop หนังเพลงที่ เจย์ โจว ทั้งเขียนบท, กำกับ และอำนวยการสร้างเองล้มเหลวโดยสิ้นเชิง หลังจากนั้น เจย์ โจว ก็ดูจะรับงานแสดงน้อยลงไปเลย
หลังจากนั้นก็ยังปรากฏตัวเป็นแขกรับเชิญในหนังอยู่บ้าง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขารับงานแสดงน้อยลงเรื่อย ๆ มีไปปรากฏตัวในหนังฮอลลีวูด Now You See Me 2 แต่บทก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก และเห็นได้ชัดว่าหนังต้องการชื่อของ เจย์ โจว ในการเอาไปขายที่ตลาดหนังเอเซียมากกว่า
ชีวิตในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาของ เจย์ โจว จึงมีผลงานหนังน้อยมาก ขณะที่ชีวิตด้านอื่นกลับดูมีความเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย เขาเข้าพิธีแต่งงาน และกลายเป็นคุณพ่อลูก 2 ผลงานเพลงก็ยังไปได้สวย จนกลายเป็นนักร้องที่มีรายได้อันดับต้น ๆ ของวงการในตลอดหลายปีทีผ่านมา แต่แม้จะห่างจากงานแสดงไปไกลแค่ไหน ก็ยังมีแฟน ๆ ที่อยากจะเห็น เจย์ โจว กลับมาแสดงหนังอีกครั้งอยู่ดี โดยเฉพาะ Initial D 2 ที่มีข่าวมาเรื่อย ๆ แต่สุดท้ายก็ยังไม่เกิดขึ้นจริงซะที