ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทำเนียบขาวฝากคำเตือนถึงจีน วานนี้ (7 ต.ค.) ว่า อย่าได้คิดใช้กำลังทหารบุกยึดไต้หวัน ระบุปฏิบัติการยกพลขึ้นบกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และจุดยืนที่คลุมเครือ (ambiguity) ของสหรัฐฯ ก็เปิดทางให้วอชิงตันสามารถตอบโต้ได้หลายทางในกรณีที่ไทเปถูกโจมตี
โรเบิร์ต โอไบรอัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว ระบุในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเนวาดา นครลาสเวกัส ว่า รัฐบาลจีนยกระดับแสนยานุภาพของกองทัพเรือชนิดที่โลกไม่เคยพบเห็นมาก่อน นับตั้งแต่ยุคที่เยอรมนีมีความพยายามแข่งขันกับราชนาวีอังกฤษก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1
“ส่วนหนึ่งคือพวกเขาต้องการขับไล่เราออกไปให้พ้นจากภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถปฏิบัติการยกพลขึ้นบกที่ไต้หวันได้อย่างสะดวก... แต่ปัญหาก็คือ การยกพลขึ้นบกที่นั่นเป็นเรื่องยากลำบากอย่างยิ่ง”
โอไบรอัน ชี้ว่า แผ่นดินจีนกับไต้หวันมีระยะทางห่างกันถึง 160 กิโลเมตร อีกทั้งชายหาดไต้หวันที่จะเอื้อต่อการยกพลขึ้นบกนั้นก็มีน้อยเต็มที
“มันไม่ใช่ภารกิจที่ง่ายดายเลย อีกทั้งยังมีความคลุมเครืออยู่ด้วยว่าสหรัฐฯ จะตอบโต้อย่างไรได้บ้างในกรณีที่จีนรุกรานไต้หวัน”
ที่ปรึกษาทำเนียบขาวผู้นี้อ้างถึง “ความคลุมเครือทางยุทธศาสตร์” (strategic ambiguity) ซึ่งหมายถึงนโยบายไม่แสดงเจตนารมณ์ปกป้องไต้หวันอย่างโจ่งแจ้ง แต่ยังคงให้การสนับสนุนที่เพียงพอเพื่อป้องปรามการรุกรานจากจีน
ปักกิ่งยืนกรานว่าไต้หวันเป็นแค่ “มณฑล” หนึ่งของตน และขู่จะนำเกาะประชาธิปไตยแห่งนี้กลับมาอยู่ภายใต้การปกครองของแผ่นดินใหญ่ในสักวันหนึ่ง แม้ว่าจะต้องใช้กำลังก็ตาม
สหรัฐฯ มีพันธกรณีตามกฎหมายที่จะต้องสนับสนุนไต้หวันในด้านการป้องกันประเทศ แต่ไม่เคยประกาศชัดเจนว่าจะส่งทหารเข้าแทรกแซงในกรณีที่ไต้หวันถูกจีนโจมตี
โอไบรอัน เอ่ยย้ำข้อเรียกร้องของวอชิงตันให้ไต้หวันใช้จ่ายงบทางทหารเพิ่มขึ้น และปฏิรูปกองทัพให้มีความทันสมัย เพื่อให้จีนเล็งเห็นถึงความเสี่ยงในการรุกราน
“คุณจะใช้งบแค่ 1-1.2% ของ GDP อุดหนุนกองทัพอย่างที่ไต้หวันกำลังทำอยู่ และหวังที่จะป้องปรามจีนซึ่งยกระดับแสนยานุภาพทางทหารอย่างใหญ่โตมโหฬารที่สุดในรอบ 70 ปี มันไม่ได้หรอก” เขากล่าว พร้อมย้ำว่าไต้หวัน “ต้องทำตัวให้เหมือนเม่น เพราะแม้แต่สิงโตก็ยังไม่กล้าที่จะกินเม่น”
เมื่อวันอังคาร (6) เจ้าหน้าที่กลาโหมฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกของสหรัฐฯ ก็ออกมาวิจารณ์แผนของไต้หวันที่จะเพิ่มงบกลาโหมอีก 1,400 ล้านดอลลาร์ ในปีหน้า ว่า “ไม่เพียงพอ” และชี้ว่า ไทเปจำเป็นต้องลงทุนจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อการป้องกันชายฝั่งมากขึ้น เช่น ขีปนาวุธร่อน, ทุ่นระเบิดในทะเล, เรือโจมตีแบบเคลื่อนที่เร็ว, ปืนใหญ่เคลื่อนที่ และอุปกรณ์สอดแนมที่ทันสมัย เป็นต้น
ที่มา: รอยเตอร์