ผบ.ทบ.กำชับยึดมั่น 4 สถาบันหลัก สั่งทุ่มเท-อุทิศ เพื่อชาติ ปชช. สานต่อปฏิรูปกองทัพของ “บิ๊กแดง” รับต้องใช้เวลา พร้อมปิดสายตรงหลังเรื่องร้องเรียนน้อยลง เปิดแอปฯ ฟังปัญหาลูกน้องแทน คาดโทษอย่าซ้ำเหตุร้ายต้นปี ตั้งทีมโฆษกน้ำผึ้งแจงงานทหาร
วันนี้ (6 ต.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) วาระพิเศษระดับผู้บัญชาการกองพลหรือเทียบเท่าครั้งแรก หลังเข้ารับตำแหน่งว่า ได้มอบนโยบายให้ทุกคนตระหนักในอุดมการณ์ทหารที่ยึดมั่นมาตลอด คือ เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน ถือเป็นอุดมการณ์ทหาร และ ทบ. สิ่งที่สำคัญในการที่เราต้องเป็นหลักด้านความมั่นคงเพื่อสิ่งสำคัญ 4 สิ่ง หรือ 4 สถาบันเหล่านี้ เพื่อให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข นอกจากนั้น การสานต่อนโยบายของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ.ที่ได้วางไว้ รวมถึงนโยบายก่อนหน้านั้นที่สำคัญๆ ก็สานต่อและพัฒนา ทบ.ไปสู่อนาคตในมิติของภัยความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และการปฏิบัติงานที่หลากหลายมากขึ้นในยุคโลกภิวัฒน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นภัยจากโรคระบาด
พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าวอีกว่า ยังได้มอบนโยบายในงานปกติ เช่น เรื่องสิทธิกำลังพลให้ชัดเจนถูกต้องมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนช่วงต้นปี (เหตุกราดยิงที่โคราช) หน่วยต้องใส่ใจ เข้าถึง รับฟังปัญหาของผู้ใต้บังคับบัญชา ดูแลสิทธิสวัสดิการอย่างทั่วถึง สำหรับการปฏิรูปเรื่องสวัสดิการฯ ได้ให้มืออาชีพเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการ เช่นสถานพักฟื้นสวนสน รวมถึงเรื่องของเคหะฯที่พักสวัสดิการกำลังพลที่ได้ประสานงานกับธนาคารกรุงไทยฯ ในการบริหารจัดการ นอกจากนั้นยังมีเรื่องการฝึกศึกษา การคัดเลือกบรรจุกำลังพล การให้โอกาสน้องคนเล็กสุด คือ พลทหาร ที่ พล.อ.อภิรัชต์ได้ทำไว้ โดยให้เข้ามีส่วนร่วมกับกองทัพเข้าสู่การรับราชการ เหมือนกองทัพในต่างประเทศมี คือ Join the Army เป็นสิ่งที่ต้องทำให้เกิดเป็นรูปธรรม
ส่วนโครงการสายด่วน ผบ.ทบ.ที่ให้กำลังร้องทุกข์นั้น ตนได้ถาม พล.อ.อภิรัชต์แล้ว ท่านก็บอกว่าคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งขึ้นมาค่อนข้างมีประสิทธิภาพ แต่ช่วงหลังเริ่มไม่ค่อยมีคนร้องเรียนเข้ามา เพราะปัญหาค่อนข้างได้รับการแก้ไขเกือบหมดแล้ว หน่วยและกำลังพลก็เข้าใจมากขึ้นอยากให้กองทัพดำเนินการเอง อยากให้สำนักงานเลขานุการกองทัพบก คิดค้นช่องทางในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นขึ้นมาเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา ติดต่อสื่อสารกันได้เร็วและถึงกันเร็วมากขึ้น
“เรื่องการปฏิรูปกองทัพด้านต่างๆ นั้น ส่วนตัวของผมคิดว่าการปฏิรูปคือการแก้ไขในสิ่งที่ยังไม่ถูกต้อง ทำให้ถูกต้อง เหมาะสม เพราะคำว่าปฏิรูปคือการทำให้เหมาะสม ดังนั้น สิ่งที่ปฏิรูปต้องดำเนินการต่อไป โดย ทบ.ทำมาตลอดและทำอยู่แล้วในยุคที่ผ่านมา การปฏิรูปต้องใช้เวลา ทุกอย่างใช้เวลา ไม่ใช่ข้ามคืนข้ามวัน ข้ามเดือน อาจเท่าหรือไม่เท่ากันในแต่ละเรื่อง” พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าว
ผบ.ทบ.กล่าวต่อไปว่า การช่วยเหลือประชาชนถือเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดในสภาวะปัจจุบันซึ่งเราเผชิญกับภัยธรรมชาติ โรคระบาด ประชาชนได้รับความเดือดร้อน โดยให้ทุกหน่วยเข้าไปช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด ไม่ต้องรอสั่งการ ใช้ศักยภาพและเครื่องมือของหน่วยในพื้นที่ลงไปช่วยเหลือ โดย ทบ.ในส่วนกลางก็พร้อมไปสนับสนุนทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนได้ฟื้นฟูจากความเดือดร้อน และอยู่เย็นเป็นสุข รวมถึงภัยจากยาเสพติด แรงงานต่างด้าว ลักลอบเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งกองกำลังชายแดนป้องกันอยู่และได้ทำงานอย่างหนัก เราได้เน้นย้ำให้ทุ่มเทและอุทิศตน พร้อมเสียสละเพื่อประเทศชาติและประชาชน เรามีชายแดน 5,600 พันกิโลเมตร มีช่องทางเป็นจุดผ่านแดน 94 แห่ง และมีช่องทางธรรมชาติ 1,035 แห่ง ซึ่งกองกำลังป้องกันชายแดนน ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องดูแล ป้องกันภัยคุกคามต่างๆ ที่เข้ามา
“เป็นการพบครั้งแรกกับสื่อสายทหาร สื่อสายนี้มีความสำคัญ เพราะทำงานร่วมกับทหาร อยากฝากว่า นอกจากสิ่งที่นั่งคิด นอนคิด ทั้งวันทั้งคืน กินก็คิด เข้าห้องน้ำก็คิด และมาถามแต่เรื่องพวกนี้ (เรื่องการรัฐประหาร) อยากฝากให้ติดตามการปฏิบัติงานของทหารที่ทุ่มเทอุทิศตน เรื่องยาเสพติด ชายแดน ภัยพิบัติ งานเหล่านี้ยังไม่เสร็จเพราะมีจำนวนมาก อยากให้ช่วยนำสิ่งเหล่านี้ไปบอกประชาชน ตรงไหนที่ประชาชนเดือดร้อนขอให้บอกมา ถ้าไม่มีหน่วยงานอื่นช่วย กำลังพลของ ทบ.พร้อมตลอดเวลา ไม่ว่าเรื่องที่อยู่อาศัย เจ็บป่วย ความขัดสนต่างๆ โดยตนได้ตั้งทีมโฆษกน้ำผึ้งในการให้ข้อมูลแล้ว” พล.อ.ณรงค์พันธ์กล่าว