xs
xsm
sm
md
lg

ดีเบตหนแรกระอุ ‘ทรัมป์’ พูดโจมตีไม่ยอมหยุด ‘ไบเดน’ สวนกลับ ‘หุบปาก’- มีด่า ‘โกหก-เหยียดผิว-ลูกหมาของปูติน’ ด้วย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครของพรรครีพับลิกัน (ซ้าย) และอดีตรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้สมัครของพรรคเดโมแครต (ขวา) ขณะโต้วาทีกันนัดแรกเมื่อคืนวันอังคาร (29 ก.ย.) โดยมี คริส วอลเลซ แห่งโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ (กลาง) ทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการ
เอเจนซีส์ - ดีเบตนัดแรกในศึกชิงทำเนียบขาว บรรยากาศดุเด็ดเผ็ดร้อน ไบเดนจัดหนักทั้งประเด็นการรับมือไวรัส และข้อสงสัยเรื่องการหลบเลี่ยงภาษีของทรัมป์ ที่กำลังเป็นข่าวร้อน แถมโชว์หลักฐานการคืนภาษีของตนก่อนขึ้นเวที นอกจากนี้ ยังมีการโจมตีกันในประเด็นส่วนตัว ขณะที่ทรัมป์พูดสอดแทรกตลอดเวลา กระทั่งไบเดนอดรนทนไม่ไหวและตะคอกให้ “หุบปาก”

ตลอด 90 นาทีของการโต้วาทีครั้งแรกของสองตัวเก็งผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (29 ก.ย.) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน พยายามยั่วโทสะ โจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต เกือบตลอดเวลา รวมทั้งอ้างว่า เดโมแครตพยายามใช้การลงคะแนนทางไปรษณีย์เพื่อปล้นชัยชนะในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน

ระหว่างการโต้วาที ทรัมป์ยังโจมตีเรื่องส่วนตัว โดยกล่าวหาว่า ฮันเตอร์ ลูกชายของไบเดน ทุจริต ขณะที่ไบเดนตอกกลับทรัมป์ด้วยถ้อยคำ เช่น “โกหก” “เหยียดผิว” และ “ตัวตลก” รวมทั้งยังตราหน้าทรัมป์ว่าเป็น “ลูกหมา” ของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย

คริส วอลเลซ จากฟ็อกซ์ นิวส์ ที่ทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการโต้วาที ถึงกับไปไม่เป็นเมื่อทรัมป์พูดเกินเวลา แถมไม่สนใจคำขอให้หยุดเพื่อให้ไบเดนได้พูดบ้าง และตอนหนึ่งไบเดนที่เดือดดาลเต็มทนหลังถูกทรัมป์สอดแทรกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงกับตะคอกว่า “จะหุบปากได้หรือยัง แบบนี้ไม่สมกับเป็นประธานาธิบดีเลย”

การขึ้นเวทีดีเบตครั้งนี้ มีขึ้นขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 5 สัปดาห์จะถึงวันเลือกตั้ง ถือเป็นเดิมพันสำคัญยิ่งสำหรับผู้สมัครทั้งคู่ โดยเฉพาะทรัมป์ วัย 74 ปี ที่เหลือโอกาสไม่มากนักในการแก้ต่างประเด็นต่างๆ ซึ่งโพลส่วนมากชี้ว่า เขาสอบตก โดยคนอเมริกันส่วนใหญ่มองว่า ทรัมป์ล้มเหลวในการจัดการวิกฤตโรคระบาด และการประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ

ส่วนไบเดน วัย 77 ปีนั้น มีคะแนนนำอย่างต่อเนื่องในการหยั่งเสียงทั่วประเทศ แม้ในบางรัฐสำคัญอาจนำแบบเฉียดฉิวก็ตาม

ทั้งคู่จะต้องโต้วาทีกันอีก 2 ครั้งในเดือนหน้า ขณะที่รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ จะดีเบตกับ คามาลา แฮร์ริส ผู้สมัครคู่กับไบเดนในตำแหน่งรองประธานาธิบดี ในสัปดาห์หน้า

การโต้วาทีครั้งแรกระหว่างทรัมป์กับไบเดนเกิดขึ้น ขณะที่มีการประท้วงทั่วอเมริกายาวนานหลายเดือน จากกรณีการใช้ความรุนแรงของตำรวจต่อคนผิวดำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสงบ แต่บางครั้งลุกลามเป็นการปะทะระหว่างผู้ประท้วงกลุ่มเสรีนิยมกับกลุ่มขวาจัด

ระหว่างการโต้วาที เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า จะประณามกลุ่มลัทธิผิวขาวเป็นใหญ่ (white supremacist) หรือไม่ ทรัมป์ที่ใช้สถานการณ์การประท้วงชูนโยบายการรักษาความสงบเรียบร้อย กลับโทษว่า เหตุการณ์รุนแรงส่วนใหญ่เกิดจากกลุ่มฝ่ายซ้าย

เขายังกล่าวอ้างโดยปราศจากหลักฐานว่า การลงคะแนนทางไปรษณีย์จะเปิดโอกาสให้มีการโกงเลือกตั้งอย่างมโหฬารแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน และอ้างเหตุผลนี้ในการปฏิเสธที่จะให้สัญญาว่า จะยอมรับผลการเลือกตั้งหรือถ่ายโอนอำนาจอย่างราบรื่นหากตนเองพ่ายแพ้

ด้านไบเดนเรียกร้องให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ และยืนยันว่า หากตนชนะ ทรัมป์จะไม่ได้อยู่ต่อแน่ และสำทับว่า จะประกาศชัยชนะต่อเมื่อผลการเลือกตั้งได้รับการตรวจสอบรับรองแล้วเท่านั้น

อดีตรองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ ยังวิจารณ์ผลงานของทรัมป์ในการรับมือโรคระบาดของไวรัสโคโรนา ที่ทำให้คนอเมริกันเสียชีวิตแล้วกว่า 200,000 คน ว่า เป็นเพราะทรัมป์ห่วงเศรษฐกิจมากกว่าการปกป้องประชาชน จึงผลักดันให้รัฐต่างๆ ยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ ซ้ำป่าวประกาศว่า โควิด-19 ไม่อันตราย

ทว่า ทรัมป์อวดอ้างการตัดสินใจแบนการเดินทางจากจีนที่เชื่อว่า เป็นต้นตอของไวรัส ตั้งแต่ต้นปี และยืนยันว่า รัฐบาลมีผลงานดีเยี่ยมในเรื่องนี้

นอกจากนั้น ก่อนขึ้นเวทีไม่กี่ชั่วโมง ไบเดนยังเผยแพร่หลักฐานการขอคืนภาษีของตน พร้อมเรียกร้องทรัมป์ให้ทำแบบเดียวกัน

เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนหลังจากเมื่อวันอาทิตย์ (27 ก.ย.) หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ รายงานว่า ทรัมป์จ่ายภาษีรายได้แค่ 750 ดอลลาร์ในปี 2016 และในปี 2017 อีกทั้งยังใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายไม่จ่ายภาษีถึง 10 ใน 15 ปีที่ผ่านมา โดยอ้างว่า ธุรกิจขาดทุนหนัก นอกจากนั้น เขายังเป็นประธานาธิบดีอเมริกันคนเดียวในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ที่ไม่ยอมเปิดเผยหลักฐานการขอคืนภาษี

ไบเดนหยิบยกเรื่องนี้มาโจมตีว่า ทรัมป์จ่ายภาษีน้อยกว่าครูในโรงเรียนด้วยซ้ำ ขณะที่เจ้าตัวยืนยันว่า จ่ายภาษีหลายล้านดอลลาร์ แต่ไม่สามารถเอาหลักฐานมาแสดงได้จนกว่าการตรวจสอบของทางการจะแล้วเสร็จ ทั้งที่สำนักงานสรรพากรสหรัฐฯยืนยันมานานแล้วว่าไม่ได้ขัดขวางอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังอวดอ้างว่า ในฐานะนักธุรกิจที่ฉลาด เขาย่อมต้องใช้ข้อได้เปรียบจากกฎหมายเพื่อลดภาระภาษี

ทั้งคู่ยังโต้เถียงกันเรื่องที่ทรัมป์รีบร้อนเสนอชื่อผู้พิพากษาศาลสูงสุดคนใหม่แทน รูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ผู้พิพากษาสายเสรีนิยมที่เพิ่งเสียชีวิตในเดือนกันยายน

ทรัมป์ปกป้องการเสนอชื่อผู้พิพากษา เอมี คอนนีย์ บาร์เรตต์ ที่จะทำให้ฝ่ายอนุรักษนิยมครองเสียงข้างมากในองค์คณะตุลาการศาลสูงสุดถึง 6 จาก 9 คน โดยบอกว่า ตนมีสิทธิ์ที่จะทำได้แม้ฝ่ายเดโมแครตคัดค้านก็ตาม

ขณะที่ ไบเดน เห็นว่า ควรรอให้คณะบริหารชุดใหม่เป็นผู้เสนอชื่อมากกว่า และสำทับว่า ยิ่งองค์คณะตุลาการมีผู้พิพากษาสายอนุรักษนิยมมากเท่าไร ยิ่งเป็นอันตรายต่อระบบประกันสุขภาพโอบามาแคร์มากขึ้นเท่านั้น




กำลังโหลดความคิดเห็น