พวกผู้นำของอาเซอร์ไบจานและอาร์เมเนียเพิกเฉยต่อคำแนะนำเจรจาสันติภาพของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในวันอังคาร (29 ก.ย.) พร้อมกล่าวหากันและกันว่าเป็นอุปสรรคของการเจรจาเกี่ยวกับดินแดนส่วนแยกนากอร์โน-คาราบัค ขณะเดียวกันก็ยังเดินหน้าปะทะกันดุเดือดเป็นวันที่ 3 คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วนับร้อยและบาดเจ็บจำนวนมาก
ในเหตุการณ์ล่าสุด อาร์เมเนียกล่าวหาว่าเครื่องบินลำหนึ่งของพวกเขาถูกยิงตกโดยเครื่องบินขับไล่ของตุรกี พันธมิตรของอาเซอร์ไบจาน ส่งผลให้นักบินเสียชีวิต เหตุการณ์ที่อาจทำให้สถานการณ์ความรุนแรงลุกลามบานปลาย แม้ทางตุรกีและอาเซอร์ไบจานออกมาปฏิเสธในเรื่องนี้
ประชาคมนานาชาติเรียกร้องให้เจรจายุติความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานหลายทศวรรษ ระหว่างสองชาติอดีตสหภาพโซเวียตในแถบภูมิภาคเทือกเขาคอเคซัส หลังจากความรุนแรงปะทุขึ้นเมื่อช่วงต้นสัปดาห์
ดินแดนนากอร์โน-คาราบัคนั้นมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวอาร์เมเนีย แต่อยู่ในการปกครองของอาเซอร์ไบจาน ได้กลายเป็นข้อพิพาทของประเทศทั้งสองมาหลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่ที่ทั้งอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจานยังต่างเป็นสาธารณรัฐอยู่ในสหภาพโซเวียตด้วยซ้ำ
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเรียกร้องให้ช่วงค่ำวันอังคาร (29 ก.ย.) ขอให้อาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจานหยุดการสู้รบในทันที และคืนสู่การเจรจาในทันทีโดยปราศจากการวางเงื่อนไขล่วงหน้า นอกจากนี้แล้ว ทางองค์กรทรงอิทธิพลที่สุดของยูเอ็นแห่งนี้ยังประณามอย่างรุนแรงต่อการใช้กำลัง และสนับสนุนเสียงเรียกร้องของเลขาธิการใหญ่ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส ที่วิงวอนหยุดสู้รบ ลดความตึงเครียดและหวนคืนสู่การเจรจาโดยปราศจากการเตะถ่วงใดๆ
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดี อิลฮัม อาลิเยฟ ของอาเซอร์ไบจาน ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนรัสเซียว่า อาเซอร์ไบจานมีความมุ่งมั่นเจรจาหาทางออก แต่อาร์เมเนียขัดขวางกระบวนการดังกล่าว “นายกรัฐมนตรีอาร์เมเนียประกาศต่อสาธารณะว่าคาราบัคเป็นส่วนหนึ่งของอาร์เมเนีย ในกรณีนี้แล้วการเจรจาจะเดินหน้าได้อย่างไร?”
อาลิเยฟบอกต่อว่า “จากหลักการต่างๆ ที่มีกลุ่มมินสก์เป็นคนกลาง ดินแดนต่างๆ รอบๆ อดีตแคว้นปกครองตนเองนากอร์โน-คาราบัคควรถูกโอนถ่ายสู่อาเซอร์ไบจาน” อ้างถึงกลุ่มที่จัดตั้งโดยองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรปในปี 1992
ประธานาธิบดีอาลิเยฟบอกต่อว่า ถ้ารีนิโคล ปาชินเนียน นายกรัฐมนตรีอาร์เมเนีย บอกว่า “คาราบัคเป็นของอาร์เมเนีย แล้วเราควรเจรจากับรัฐบาลหุ่นเชิดของนากอร์โน-คาราบัคหรือ เขาพยายามทำลายรูปแบบการเจรจาที่มีมานานกว่า 20 ปี”
อย่างไรก็ตาม ทางปาชินเนียนตอบโต้กลับ โดยให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ว่า “มันเป็นเรื่องยากที่จะพูดถึงการเจรจา โดยเฉพาะเมื่อยังคงมีปฏิบัติการด้านการทหาร” พร้อมระบุว่าการใช้กำลังทางทหารไม่ใช่หนทางแก้ปัญหาและเรียกร้องขอให้ประนีประนอม
“แต่สิ่งแรกเลย อาเซอร์ไบจานควรหยุดรุกรานนากอร์โน-คาราบัคและอาร์เมเนียในทันที” ปาชินเนียนกล่าว “เราทุกคนมองสิ่งนี้ว่าเป็นภัยคุกคามของจริงต่อประเทศของเรา เรามองมันในฐานะสงคราม ที่เราแจ้งถึงประชาชนชาวอาร์เมเนีย และประชาชนของเราถูกบังคับให้ใช้สิทธิ์ป้องกันตนเอง”
นับตั้งแต่วันอาทิตย์ (27 ก.ย.) กระทรวงกลาโหมนากอร์โนรายงานว่ามีทหารเสียชีวิตแล้ว 84 นาย ส่วน อาลิเยฟบอกว่ามีพลเรือนในฝ่ายอาเซอร์ไบจานเสียชีวิต 11 คน แต่เขาไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนทหารของประเทศที่เสียชีวิตในเหตุปะทะ
ทั้งสองประเทศต่างกล่าวหากันและกันว่าเป็นฝ่ายยิงเข้าสู่ดินแดนของอีกฝ่าย ที่อยู่รอบนอกพื้นที่นากอร์โน-คาราบุคในวันอังคาร (29 ก.ย.)
อาร์เมเนียยังกล่าวหาตุรกี ซึ่งให้การสนับสนุนอาเซอร์ไบจาน เข้ามาเกี่ยวข้องกับการสู้รบด้วย “จากข้อมูลของเรา ตุรกีกำลังหาข้ออ้างสำหรับเข้ามาพัวพันในความขัดแย้งนี้” ปาชินเนียกล่าว
กองทัพอาร์เมเนียเผยว่า เครื่องบินซู 25 ของกองทัพอากาศถูกยิงตกในน่านฟ้าของตนเอง โดยฝีมือของเครื่องบินขับไล่เอฟ-16 ของตุรกีที่ขึ้นบินจากอาเซอร์ไบจาน ส่งผลให้นักบินของพวกเขาเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารมวลชนของประธานาธิบดีตุรกีตอบโต้ว่า “คำกล่าวอ้างยิงเครื่องบินตก ไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย” พร้อมเรียกมันว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลไกโฆษณาชวนเชื่อของกองทัพอาร์เมเนีย
ประธานาธิบดี เรเซป ตัยยิป แอร์โดอัน ของตุรกี เรียกร้องอาร์เมเนียถอนตัวออกจากดินแดนส่วนแยกในทันที และรัฐมนตรีต่างประเทศของตุรกีเสริมว่าอังการาอยู่ฝ่ายอาเซอร์ไบจาน “ทั้งในสมรภูมินี้และบนโต๊ะเจรจา”
เจ้าหน้าที่อาร์เมเนียกล่าวหาว่าตุรกี สมาชิกนาโต้ ส่งฝูงบินรบมาจากซีเรียและอาวุธสนับสนุนอาเซอร์ไบจาน ในนั้นรวมถึงเครื่องบินขับไล่เอฟ-16 อย่างไรก็ตามทั้งอาเซอร์ไบจานและตุรกีต่างปฏิเสธ
(ที่มา : เอพี)