เมืองนิวยอร์กในวันอังคาร (29 ก.ย.) เปิดเผยว่าจะปรับเงินทุกคนที่ไม่สวมหน้ากากป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในที่สาธารณะ ส่วนวอลท์ดิสนีย์แถลงแผนปรับลดพนักงานราว 28,000 คน หลังประสบภาวะนักท่องเที่ยวลดฮวบสืบเนื่องจากวิกฤตโรคระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
จากการนับของรอยเตอร์พบว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 205,000 คนในสหรัฐฯ และเกือบ 7.2 ล้านคนติดเชื้อ นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่เริ่มขึ้น
ที่ดิสนีย์ ทางบริษัทแถลงว่า 2 ใน 3 ของพนักงานที่จะถูกปลดนั้นเป็นพนักงานชั่วคราว “เราตัดสินใจอย่างยากลำบากในการเริ่มประกวนการลดพนักงานตามสวนสนุกต่างๆ ของเรา ทั้งฝ่ายปฏิบัติการและฝ่ายผลิตภัณฑ์ในทุกระดับ” จอช ดีอามาโร ประธานฝ่ายสวนสนุกของดิสนีย์กล่าวในถ้อยแถลง
ในนิวยอร์ก นายกเทศมนตรีบิล เดอ บลาซิโอ บอกว่าทางเมืองจะปรับเงินสูงสุด 1,000 ดอลลาร์ สำหรับคนที่ไม่ยอมสวมหน้ากากในที่สาธารณะ หลังจากอัตราผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นเหนือ 3% เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน “เราไม่ต้องการปรับเงินประชาชน แต่เราจำเป็นต้องทำ และเราจะทำ” เขากล่าว พร้อมเผยว่าตำรวจเมืองและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวมถึงเจ้าหน้าที่อื่นๆ จะเป็นผู้บังคับใช้มาตรการปรับเงินดังกล่าว
เดอ บลาซิโอ บอกว่าเจ้าหน้าที่ของเมืองจะมอบหน้ากากฟรีแก่คนที่ถูกจับได้ว่าไม่สวมหน้ากากในที่สาธารณะก่อน แต่หากคนเหล่านั้นปฏิเสธ พวกเขาจะถูกลงโทษด้วยการปรับเงิน
นโยบายแบบเดียวกันนี้เคยบังคับใช้โดยสำนักงานควบคุมระบบขนส่งมวลชนมหานครนิวยอร์ก เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ภายใต้ข้อบังคับดังกล่าวนักเดินทางที่ปฏิเสธสวมหน้ากากบนระบบขนส่งสาธารณะจะถูกปรับเงิน 50 ดอลลาร์
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเมืองระบุว่า พบเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวลของจำนวนผู้ติดเชื้อ และเตือนว่าอาจต้องออกคำสั่งปิดธุรกิจหรือโรงเรียนในบางพื้นที่หากว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่ดีขึ้น
ถ้อยแถลงของเดอ บราซิโอ มีขึ้นในขณะที่นักเรียนระดับประถมจำนวนมาก กลับสู่ชั้นเรียนเป็นครั้งแรกในวันอังคาร (29 ก.ย.) หลังจากความพยายามผสมผสานกันระหว่างการเรียนในชั้นเรียนกับการเรียนทางไกลถูกเลื่อนออกมาแล้ว 2 รอบ ท่ามกลางเสียงคัดค้านของทางสหภาพครู
คณะผู้บริหารเมืองบอกว่าจะทำการสั่งปิดโรงเรียนอีกรอบ หากว่าค่าเฉลี่ยผู้ติดเชื้อ 7 วัน แตะระดับ 3% หรือมากกว่านั้น
แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กในวันอังคาร (29 ก.ย.) หยิบยกความเป็นไปได้ที่จะห้ามดินเนอร์ในร่มอีกครั้ง หรือกำหนดข้อจำกัดอื่นๆ ทางเศรษฐกิจหากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น
นอกเหนือจากนิวยอร์ก รัฐอื่นๆ อีก 28 รัฐก็พบเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นเช่นกันในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่หลายรัฐทางตะวันตกตอนกลางมีจำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น
มิสซูรี, เนบราสกา, นอร์ทดาโคตา, เซาต์ดาโคตา และวิสคอนซิน ล้วนรายงานมีผู้ป่วยโควิด-19 เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลช่วง 7 วันที่ผ่านมา สูงสุดนับตั้งแต่วิกฤตเริ่มต้น และในวันจันทร์ (28 ก.ย.) นอร์ทดาโคตา และวิสคอนซิน รายงานมีผู้ป่วยต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 105 คน และ 640 คนตามลำดับ
(ที่มา : รอยเตอร์)