xs
xsm
sm
md
lg

Weekend Focus: ‘ทรัมป์’ ขู่ล้มดีล TikTok ขวางไบต์แดนซ์ถือหุ้นใหญ่ สื่อจีนจวก ‘ตรรกะนักเลง’ ลั่นปักกิ่งไม่ยอมเสียเปรียบ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข้อตกลงปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อให้ TikTok อยู่รอดในสหรัฐฯ ส่อแววยุ่งยาก เมื่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาประกาศกร้าวว่าอย่างไรเสียก็จะไม่ยอมให้ ‘ไบต์แดนซ์’ ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และมีอำนาจควบคุม ‘TikTok Global’ ขณะที่สื่อจีนขู่เช่นกันว่ารัฐบาลปักกิ่งไม่มีทางไฟเขียวข้อตกลงซึ่งทำให้บริษัทจีนถูกเอารัดเอาเปรียบ

ท่าทีของผู้นำสหรัฐฯ ทำให้ข้อตกลงที่คาดว่าจะช่วยให้ TikTok รอดพ้นจากการถูกแบนในอเมริกาตกอยู่ในสภาพลูกผีลูกคน ในขณะที่คู่เจรจาซึ่งได้แก่ ไบต์แดนซ์ และออราเคิลกับวอลมาร์ท ก็ยังให้รายละเอียดที่ขัดแย้งกันเองเกี่ยวกับโครงสร้างผู้ถือหุ้น รวมถึงไม่มีความชัดเจนว่าอำนาจควบคุมฐานข้อมูลและอัลกอริทึมของ TikTok จะไปตกอยู่ในมือฝ่ายไหน

ทรัมป์ เซ็นคำสั่งบริหารเมื่อวันที่ 14 ส.ค. ขีดเส้นตายให้ไบต์แดนซ์ขายกิจการ TikTok ในอเมริกาภายใน 90 วัน โดยอ้างความกังวลว่าข้อมูลส่วนตัวของชาวอเมริกันราว 100 ล้านคนที่ใช้แอปฯ นี้อาจจะถูกส่งต่อให้กับพรรคคอมมิวนิสต์จีน

สุดสัปดาห์ที่แล้ว ผู้นำสหรัฐฯ ออกมาประกาศหนุนข้อตกลงการเป็นพันธมิตรระหว่าง TikTok กับสองยักษ์ใหญ่ ‘ออราเคิล’ และ ‘วอลมาร์ท’ ซึ่งหากดีลนี้สำเร็จลุล่วงก็จะทำให้กิจการของ TikTok ในอเมริกาอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่ TikTok Global ซึ่งคาดว่าจะมีการว่าจ้างพนักงานอย่างน้อย 25,000 ตำแหน่ง และยังมีวงเงินสนับสนุนกองทุนเพื่อการศึกษาสำหรับคนอเมริกันอีก 5,000 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ได้ให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวันจันทร์ (21 ก.ย.) ว่าไบต์แดนซ์ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok ในจีน “ต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทใหม่ ไม่อย่างนั้นก็จะไม่มีข้อตกลงใดๆ ทั้งสิ้น”

ทรัมป์ ยังย้ำด้วยว่า ออราเคิลและวอลมาร์ท “จะต้องเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีสิทธิ์ควบคุม TikTok Global และกิจกรรมของบริษัทจะต้องเข้าสู่ระบบคลาวด์ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของออราเคิลทั้งหมด”

ไบต์แดนซ์ซึ่งก็ถูกรัฐบาลจีนกดดันไม่ให้ยอมสยบต่อข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ระบุว่า ทางบริษัทจะถือครองหุ้น 80% ใน TikTok Global หลังจากที่มีการเปิดขายหลักทรัพย์แก่สาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในปีหน้า ส่วนออราเคิลและวอลมาร์ทจะถือหุ้นในสัดส่วน 12.5% และ 7.5% ตามลำดับ และย้ำว่าจะไม่มีการถ่ายโอนเทคโนโลยีหรืออัลกอริทึมให้แก่หุ้นส่วนอเมริกันตามที่ “ลือ” กัน

อย่างไรก็ดี ผู้บริหารออราเคิลกลับออกมาให้ข้อมูลที่ต่างออกไป โดยระบุว่าทั้งออราเคิลและวอลมาร์ทจะทุ่มเม็ดเงินลงทุนในบริษัท TikTok Global และหุ้นของบริษัทก็จะถูกแจกจ่ายไปยังนักลงทุนซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกัน ดังนั้นไบต์แดนซ์จึงจะไม่ได้เป็นเจ้าของ TikTok Global อย่างที่อ้าง

TikTok สร้างปรากฏการณ์ระดับโลกด้วยการเป็นแพลตฟอร์มแชร์คลิปวิดีโอสั้นๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง และมีผู้ใช้งานราว 100 ล้านคนในสหรัฐฯ ทว่าแอปฯ นี้ต้องตกเหยื่อการเมืองระหว่างประเทศ หลังความขัดแย้งระหว่างจีนและโลกตะวันตกลุกลามบานปลาย

ทรัมป์ ซึ่งหวังโกยคะแนนนิยมในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 3 พ.ย. กล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานว่า TikTok รวบรวมข้อมูลผู้ใช้ส่งให้ปักกิ่ง เป็นภัยคุกคามความมั่นคง และจำเป็นจะต้องถูกแบนหากไม่ยอมขายกิจการให้แก่บริษัทอเมริกัน


มหากาพย์ TikTok ถือเป็นกรณีล่าสุดในสงครามดิจิทัลระหว่างปักกิ่งและวอชิงตัน โดยก่อนหน้านี้ ‘หัวเว่ย เทคโนโลยีส์’ ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของจีน ก็ถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำด้วยข้อหาเดียวกันคือเป็นภัยต่อความมั่นคง ขณะที่แอปพลิเคชั่น WeChat ของค่ายเทนเซ็นต์เพิ่งจะรอดพ้นคำสั่งแบนในอเมริกาหวุดหวิดอย่างน้อยก็ในตอนนี้ หลังจากที่ศาลชั้นต้นสหรัฐฯ ตัดสินให้ระงับคำสั่งแบนดาวน์โหลด

กระทรวงพาณิชย์จีนออกมาแถลงประณามเมื่อวันเสาร์ (19) ว่าสหรัฐฯ จงใจ “กดขี่ข่มเหง” และละเมิดหลักปฏิบัติทางการค้าระหว่างประเทศ ทั้งๆ ที่ไม่มีหลักฐานว่า TikTok เป็นภัยคุกคามตรงไหน

นักวิเคราะห์บางคนไม่เชื่อว่าดีลปรับโครงสร้าง TikTok จะออกมาในรูปแบบที่ทั้งจีนและสหรัฐฯ พอใจได้

“ดูเหมือนออราเคิลและ TikTok จะมุ่งหาวิธีผ่อนปรนเพื่อให้ผ่านความเห็นชอบจากสหรัฐฯ เท่านั้น แต่หลังจากนี้ก็ต้องรอดูกันว่ามันเกินจะรับได้ในสายตาจีนหรือไม่” ริชาร์ด วินด์เซอร์ นักวิเคราะห์อิสระด้านเทคโนโลยี ให้ความเห็น

ด้านผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเซนต์จอห์นชี้ว่า กลยุทธ์ที่ ทรัมป์ ใช้กับ TikTok และบริษัทสัญชาติจีนรายอื่นๆ ถูกมองว่าเป็นการกระทำอย่างอันธพาล และกำลังกระพือแนวคิดชาตินิยมให้รุนแรงขึ้นในจีน

หนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์สซึ่งเป็นสื่อแท็บลอยด์ในเครือพีเพิลส์เดลีระบุเมื่อวันจันทร์ (21) ว่า ข้อตกลงที่ไบต์แดนซ์ทำร่วมกับออราเคิลและวอลมาร์ทมีโอกาสน้อยมากที่จะได้ไฟเขียวจากปักกิ่ง และรัฐบาลจีนจะไม่ยอมให้สหรัฐฯ ข่มขู่ หรือยอมรับข้อตกลงซึ่งเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อบริษัทจีน

“เงื่อนไขเหล่านี้แสดงให้เห็นชัดเจนถึงพฤติกรรมข่มขู่ และตรรกะแบบนักเลงอันธพาลของวอชิงตัน พวกเขามีเจตนาทำลายความมั่นคง ผลประโยชน์ และเกียรติภูมิของชาติจีน” บทบรรณาธิการภาคภาษาอังกฤษของโกลบอลไทม์ส ระบุ

บทความชิ้นนี้ยังวิพากษ์วิจารณ์เงื่อนไขข้อตกลงที่กำหนดให้บอร์ดบริหาร TikTok Global ต้องเป็นชาวอเมริกันถึง 4 ใน 5 คน รวมถึงจะต้องมีผู้อำนวยการด้านความมั่นคงแห่งชาติ (national security director) ที่รัฐบาลสหรัฐฯ รับรองเข้าไปนั่งอยู่ด้วย ซึ่งโกลบอลไทม์สชี้ว่าจะทำให้บอร์ดดังกล่าวกลายเป็น “คณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติ” ของสหรัฐฯ เสียมากกว่า

สื่อจีนฉบับนี้ยังประณามการบังคับให้ไบต์แดนซ์ต้องเปิดเผยรหัสต้นทาง (source code) กับออราเคิลว่าเท่ากับเป็นการปูทางให้บริษัทอเมริกันเข้าถึงการดำเนินการของ ‘Douyin’ แอปฯ วิดีโอสั้นของไบต์แดนซ์ในจีน ซึ่งเป็นต้นแบบของ TikTok ที่อยู่นอกแดนมังกร เนื่องจากแอปฯ ทั้ง 2 ตัวนั้นใช้รหัสต้นทางเดียวกัน

โกลบอลไทม์สยังกล่าวทิ้งท้ายว่า หากแผนปรับโครงสร้าง TikTok ตามแรงบีบของ ทรัมป์ ถูกใช้เป็นบรรทัดฐาน เท่ากับว่าต่อไปบริษัทจีนที่ประสบความสำเร็จและขยายธุรกิจเข้าไปยังสหรัฐฯ ก็จะต้องถูกวอชิงตันเพ่งเล็ง และถูกแปรสภาพเป็นบริษัทที่ชาวอเมริกันควบคุมผ่านกลโกงต่างๆ ซึ่งสุดท้ายแล้วมุ่งสร้างผลประโยชน์ให้กับสหรัฐฯ ฝ่ายเดียว
กำลังโหลดความคิดเห็น