ทรัมป์สนับสนุนข้อตกลงการเป็นพันธมิตรระหว่างติ๊กต็อกกับออราเคิลและวอลมาร์ท เพื่อตั้งบริษัทและสร้างงาน 25,000 ตำแหน่งในอเมริกา รวมทั้งให้การสนับสนุนกองทุนเพื่อการศึกษาสำหรับคนอเมริกัน 5,000 ล้านดอลลาร์
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาติ๊กต็อก แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นของจีน เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ซึ่งเป็นประเด็นขัดแย้งล่าสุดระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง
ถึงกระนั้น เมื่อวันเสาร์ (19 ก.ย.) ทรัมป์ประกาศสนับสนุนข้อตกลงล่าสุดที่เขาบอกว่า ถ้าลุล่วงจะทำให้เกิดบริษัทแห่งใหม่ตั้งอยู่ในเทกซัส ว่าจ้างพนักงานอย่างน้อย 25,000 คน และให้การสนับสนุนกองทุนเพื่อการศึกษาสำหรับคนอเมริกัน 5,000 ล้านดอลลาร์
ทางด้านติ๊กต็อกเผยว่า ออราเคิลและวอลมาร์ทอาจซื้อหุ้นในบริษัทใหม่รวมกัน 20% ระหว่างการระดมทุนซึ่งจะจัดขึ้นก่อนนำหุ้นออกขายต่อสาธารณชนครั้งแรก (ไอพีโอ) ซึ่งวอลมาร์ทระบุว่า จะเกิดขึ้นภายในปีหน้า
ทางด้านออราเคิลและวอลมาร์ทแยกกันแถลงข่าว โดยฝ่ายแรกเผยว่า จะถือหุ้น 12.5% ในบริษัทใหม่ และฝ่ายหลังถือ 7.5%
ข้อตกลงนี้จะทำให้ออราเคิลมีบทบาทในการโฮสต์ข้อมูลผู้ใช้ติ๊กต็อกทั้งหมดในอเมริกา รวมถึงปกป้องความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์เพื่อรับประกันว่า มีการดำเนินการสอดคล้องตามข้อกำหนดด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ส่วนวอลมาร์ทจะให้การสนับสนุนด้านอี-คอมเมิร์ซ การชำระเงิน และบริการอื่นๆ ให้แก่บริษัทแห่งใหม่
ติ๊กต็อกแถลงแสดงความยินดีที่ข้อเสนอนี้จะช่วยคลายข้อกังวลของคณะบริหารสหรัฐฯ และตอบคำถามเกี่ยวกับอนาคตของบริษัทในอเมริกา
ก่อนหน้านี้ทรัมป์ยืนกรานให้ไบต์แดนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของติ๊กต็อก ขายกิจการติ๊กต็อกในอเมริกาให้บริษัทอเมริกันหรือถูกแบน ผู้นำสหรัฐฯ ยังเพิ่มเป้าหมายเล่นงานวีแชต ซูเปอร์แอปชื่อดังของจีน
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (18 ก.ย.) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เพิ่งประกาศจะแบนติ๊กต็อกจากแอปสโตร์ในอเมริกาตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ (20 ก.ย.) และปิดช่องทางเข้าถึงบริการอินเทอร์เน็ตที่สำคัญตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน ถัดมาอีกวันกระทรวงพาณิชย์แถลงว่า จะเลื่อนการแบนติ๊กต็อกเป็นวันที่ 28 เดือนนี้
ด้านกระทรวงคลังของอเมริกากำชับเมื่อวันเสาร์ว่า ติ๊กต็อกต้องสรุปข้อตกลงกับออราเคิลและวอลมาร์ท รวมทั้งจัดส่งเอกสารและเงื่อนไขข้อตกลงให้คณะกรรมาธิการการลงทุนของต่างชาติในอเมริกาอนุมัติ ส่วนกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังประกาศมาตรการจำกัดกับวีแชต มีผลหลังเที่ยงคืนวันอาทิตย์
ในวันเสาร์ ผู้ใช้วีแชตขอให้ผู้พิพากษาศาลแขวงในสหรัฐฯ ยับยั้งการดำเนินการของรัฐบาลเนื่องจากเข้าข่ายเป็นการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ทว่า รัฐบาลสหรัฐฯ โต้ว่า ผู้ใช้วีแชตยังสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระบนแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่ไม่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของอเมริกา ซึ่งล่าสุดผู้พิพากษายังไม่มีคำตัดสินในกรณีนี้
ทั้งนี้ วีแชตมีผู้ใช้ในอเมริกาหลายล้านคนที่พึ่งพิงแอปของบริษัทในการติดต่อกับญาติมิตรและทำธุรกิจกับบริษัทในจีนและทั่วโลก
กลยุทธ์เชิงรุกของคณะบริหารทรัมป์เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามล่าสุดในการต้านอิทธิพลของจีนที่กำลังผงาดขึ้นเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ โดยนับจากรับตำแหน่งในปี 2017 ทรัมป์เปิดสงครามการค้ากับจีน ขัดขวางการซื้อกิจการของบริษัทจีน และสกัดช่องทางธุรกิจของบริษัทจีน อาทิ หัวเว่ย ผู้ผลิตโทรศัพท์และอุปกรณ์โทรคมนาคมชั้นนำของโลก
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์จีนประณามความเคลื่อนไหวดังกล่าวและเรียกร้องให้อเมริกายุติการรังแก และขู่ว่า ปักกิ่งอาจใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องบริษัทจีน