เอเจนซีส์ – กรณี “ติ๊กต็อก” และ “วีแชต” ในอเมริกา ยังจบไม่ลง โดยในวันจันทร์ (21ก.ย.) ไบต์แดนซ์บริษัทแม่ของติ๊กต็อก ออกคำแถลงยืนยันยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน “ติ๊กต็อกโกลบัล” ที่จะจัดตั้งขึ้นมาในสหรัฐฯ และจะไม่มีการถ่ายโอนอัลกอริธึมและเทคโนโลยีให้พันธมิตรอเมริกันเด็ดขาด ขณะที่ “วีแชต” ยังมีสิทธิได้ไปต่อในสหรัฐฯเช่นเดียวกัน หลังผู้พิพากษาแคลิฟอร์เนียระงับคำสั่งห้ามดาวน์โหลดซูเปอร์แอปของจีนแห่งนี้ก่อนเส้นตายเที่ยงคืนวันอาทิตย์ (20) ไม่นาน
ในคำแถลงวันจันทร์ (21) บริษัทไบต์แดนซ์ของจีน ยืนยันว่า บริษัทจะถือหุ้น 80% ในติ๊กต็อกโกลบัล ซึ่งเป็นบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นมาใหม่ในอเมริกา โดยที่จะเป็นเจ้าของการดำเนินงานเกือบทั่วโลกของติ๊กต็อก ไม่ใช่อย่างที่ออราเคิลและวอลมาร์ท ซึ่งได้ตกลงถือหุ้นบริษัทใหม่นี้ 12.5% และ 7.5% ตามลำดับ ได้ให้ข่าวเมื่อวันเสาร์ (19) ว่า หุ้นส่วนใหญ่ของติ๊กต็อกโกลบัล จะอยู่ในมือของฝ่ายอเมริกัน
ไบต์แดนซ์ยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวเป็นข่าวลือ ขณะที่ออราเคิลปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำแถลงของไบต์แดนซ์ และวอลมาร์ทยังไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ
บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากปักกิ่งแห่งนี้ยังยืนยันแผนการนำหุ้นติ๊กต็อกโกลบัลออกขายต่อสาธารณชน (ไอพีโอ) ครั้งแรก อีกทั้งระบุว่า จาง อี้หมิง ผู้ก่อตั้งบริษัท จะเป็นสมาชิกอยู่ในคณะกรรมการบริหารติ๊กต็อกโกลบัล เช่นเดียวกับดั๊ก แมคมิลลอน ประธานบริหารวอลมาร์ท รวมทั้งสมาชิกบอร์ดปัจจุบันของไบต์แดนซ์
ทั้งนี้ บลูมเบิร์ก นิวส์รายงานว่า ไบต์แดนซ์คาดการณ์มูลค่าของติ๊กต็อกไว้ที่ 60,000 ล้านดอลลาร์
คำแถลงของไบต์แดนซ์ยังยืนยันว่า จะไม่มีการถ่ายโอนอัลกอริธึมหรือเทคโนโลยีของติ๊กต็อกให้พันธมิตรอเมริกัน แต่ออราเคิลจะสามารถตรวจสอบรหัสต้นทาง (source code) ในอเมริกาของติ๊กต็อกได้ เช่นเดียวกับที่บริษัทอเมริกัน อาทิ ไมโครซอฟท์แบ่งปันรหัสต้นทางกับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของจีน เมื่อดำเนินกิจการในแดนมังกร
ส่วนเรื่องที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเมื่อวันเสาร์ว่า ติ๊กต็อกโกลบัลจะอัดฉีดเงิน 5,000 ล้านดอลลาร์เข้ากองทุนเพื่อการศึกษาของคนอเมริกันนั้น ไบต์แดนซ์ชี้แจงว่า น่าจะหมายถึงภาษีต่างๆ ที่ติ๊กต็อกโกลบัลต้องจ่ายในอนาคตมากกว่า และไม่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงที่ทำกับออราเคิลและวอลมาร์ท ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากทรัมป์แล้วแต่อย่างใด
ติ๊กต็อก แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่โด่งดังทั่วโลกกลายเป็นเป้าหมายใหม่ในสงครามไฮเทคอเมริกา-จีน หลังทรัมป์กล่าวหาโดยไม่เคยแสดงหลักฐาน ว่า บริษัทแห่งนี้แอบรวบรวมข้อมูลผู้ใช้ให้ปักกิ่ง และขีดเส้นตายให้ไบต์แดนซ์ขายกิจการติ๊กต็อกในอเมริกาให้บริษัทอเมริกันภายในวันที่ 20 กันยายน ถ้าไม่อยากถูกแบน อันเป็นที่มาของดีลล่าสุดระหว่างติ๊กต็อก ออราเคิล และวอลมาร์ท
นอกจากนั้น ขณะที่ทรัมป์เร่งทำคะแนนสำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นต้นเดือนพฤศจิกายน ด้วยการชูนโยบายความมั่นคงแห่งชาติและจุดยืนแข็งกร้าวต่อจีนนั้น คณะบริหารสหรัฐฯ ได้ขยายเป้าหมายการโจมตีจากติ๊กต็อกและหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ มายังวีแชตของเทนเซนต์ บริษัทยักษ์ใหญ่แดนมังกร โดยเมื่อวันศุกร์ (18) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ สั่งห้ามดาวน์โหลดแอปวีแชตและติ๊กต็อกหลังเที่ยงคืนวันอาทิตย์
กรณีติ๊กต็อกนั้น กระทรวงพาณิชย์ประกาศขยายเวลาเป็นวันที่ 27 เดือนนี้ เนื่องจากมีพัฒนาการที่ดี ซึ่งหมายถึงการบรรลุข้อตกลงกับออราเคิลและวอลมาร์ท
อย่างไรก็ดี วันอาทิตย์ ก่อนถึงเส้นตายไม่นาน ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นสหรัฐฯในแคลิฟอร์เนียวินิจฉัยให้ระงับคำสั่งแบนวีแชตตามที่ผู้ใช้กลุ่มหนึ่งร้องเรียน โดยแสดงความกังวลในเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
ทั้งนี้ วีแชตซึ่งเป็นซูเปอร์แอปที่ใช้รับส่งข้อความ ช้อปปิ้ง จ่ายเงิน และอีกมากมาย มีผู้ใช้ในอเมริการาว 19 ล้านคน ส่วนผู้ใช้ติ๊กต็อกนั้นมีถึง 100 ล้านคน
คาร์ล โทเบียส ศาสตราจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยริชมอนด์ ชี้ว่า คำวินิจฉัยดังกล่าวทำให้ผู้ร้องเรียนสบายใจได้ชั่วคราว และหากรัฐบาลยื่นอุทธรณ์แล้วชนะ กลุ่มผู้ร้องเรียนอาจยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยต่อไปถึงศาลสูงสุดเพื่อซื้อเวลาโดยหวังว่า ทรัมป์อาจแพ้การเลือกตั้ง