รอยเตอร์/เอเอฟพี - อันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านมาเลเซีย ประกาศวันพุธ (23 ก.ย.) ว่าตนได้รับเสียงสนับสนุนจากส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรมากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลใหม่ แต่นายกรัฐมนตรี มูห์ยิดดิน ยัสซิน ยืนยันว่าตนยังคงเป็นผู้นำฝ่ายบริหารซึ่งถูกต้องตามกฎหมายของประเทศ
อันวาร์ วัย 73 ปี ระบุว่า การที่ ส.ส.ส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนตนทำให้ มูห์ยิดดิน “หมดสิทธิ์ที่จะรั้งเก้าอี้นายกฯ อีกต่อไป”
“เราได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส.ส่วนใหญ่ในสภา ซึ่งไม่ใช่เกินครึ่งแค่ 4, 5 หรือ 6 ที่นั่ง แต่มากกว่านั้นเยอะ” เขากล่าว “เราต้องมีรัฐบาลที่แข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ เพื่อบริหารและปกป้องประเทศชาติ”
อันวาร์ ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขที่ชัดเจน แต่ยืนยันว่า ส.ส.ที่อยู่ข้างตนเองนั้นมีมากเกือบ 2 ใน 3 จากทั้งหมด 222 ที่นั่งในสภา
คำกล่าวอ้างของผู้นำฝ่ายค้านทรงอิทธิพลรายนี้มีขึ้นเพียง 7 เดือนหลังจากที่ มูห์ยิดดิน คว้าเก้าอี้นายกฯ แดนเสือเหลืองไปครอง โดยเป็นผลสืบเนื่องจากความปั่นป่วนทางการเมืองซึ่งทำให้อดีตนายกฯ มหาเธร์ โมฮาหมัด สละตำแหน่งอย่างกะทันหัน
ทางด้าน มูห์ยิดดินออกคำแถลงตอบโต้ในวันเดียวกัน ระบุว่าคำพูดของอันวาร์เป็นเพียงการอ้าง พร้อมกับบอกให้ผู้นำฝ่ายค้านพิสูจน์ว่าได้เสียงข้างมากจริงโดยผ่านกระบวนการทางรัฐธรรมนูญ ไม่เช่นนั้นแล้ว ตนก็ยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างถูกต้อง
ขณะเดียวกับ พวกพรรคการเมืองต่างๆ 6 พรรคซึ่งให้การสนับสนุนมูห์ยิดดิน ก็ออกคำแถลงร่วมปฏิเสธคำกล่าวอ้างของอันวาร์ และยืนยันให้การสนับสนุนมูห์ยิดดินอย่างมั่นคง
ขั้นตอนต่อไปที่อันวาร์จะต้องทำคือ ขอเข้าเฝ้าฯสมเด็จพระราชาธิบดี ซึ่งทรงมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่จะแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งอันวาร์และสำนักพระราชวังยืนยันตรงกันว่าเดิมทีมีกำหนดให้อันวาร์เข้าเฝ้าฯในวันอังคาร (23) แต่ต้องยกเลิกเนื่องจากสมเด็จพระราชาธิบดีทรงพระประชวรต้องเสด็จเข้าโรงพยาบาล
พวกนักวิเคราะห์มองว่า หากอันวาร์ได้ ส.ส. เสียงข้างมากมาแล้วจริงๆ มูห์ยิดดินก็อาจชิงเข้าเฝ้าฯเพื่อทูลขอให้ทรงประกาศยุบสภาจัดการเลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนด และนี่อาจเป็นทางออกที่จะเกิดขึ้นในที่สุด
มูห์ยิดดิน กลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 8 ของมาเลเซียเมื่อเดือน มี.ค. หลังได้รับการสนับสนุนจากพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (UMNO) ซึ่งพ่ายศึกเลือกตั้งให้กับกลุ่มพันธมิตรฝ่ายค้านของ มหาเธร์ เมื่อปี 2018
นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามวิจารณ์ มูห์ยิดดิน ว่าใช้กลยุทธ์เปลี่ยนขั้วพันธมิตรเพื่อชิงเก้าอี้นายกฯ และไม่ได้สู้อย่างสง่างามในศึกเลือกตั้ง
เวลานี้รัฐบาล มูห์ยิดดิน มี ส.ส.เกินครึ่งสภามาเพียงฉิวเฉียด ซึ่งทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าเขาอาจตัดสินใจยุบสภาเลือกตั้งใหม่เพื่อให้ได้รับอาณัติที่แข็งแกร่งจากประชาชน
สำหรับเส้นทางการเมืองของ อันวาร์ อิบราฮิม นั้นเรียกได้ว่าเต็มไปด้วยอุปสรรคขัดขวางมาตลอด 2 ทศวรรษ
อันวาร์ เคยก้าวขึ้นไปถึงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในช่วงปี 1993-1998 และถูกจับตามองเป็นว่าที่ผู้นำสูงสุดของมาเลเซียต่อจาก มหาเธร์ แต่แล้วอนาคตของ อันวาร์ ในพรรคอัมโนก็ต้องยุติลงเมื่อเขาแสดงทัศนะขัดแย้งกับ มหาเธร์ ในช่วงที่เกิด “วิกฤตต้มยำกุ้ง” ในเอเชีย โดยเรียกร้องให้พรรคอัมโนยุติพฤติกรรมคอร์รัปชันและการเล่นพรรคเล่นพวก ซึ่งจุดนี้ได้สร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งต่อนายกฯ มหาเธร์
ต่อมา อันวาร์ ถูกศาลพิพากษาจำคุกในข้อหาทุจริตและมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักกับผู้ช่วยชายเมื่อปี 1998 และอีกครั้งในปี 2015 ซึ่งทำให้เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำนานร่วม 10 ปี ก่อนจะได้รับพระราชทานอภัยโทษเมื่อปี 2018 และหวนกลับสู่เวทีการเมืองอีกครั้งในฐานะ “ว่าที่นายกฯ” หลังจาก มหาเธร์ นำพันธมิตรฝ่ายค้านโค่นกลุ่มแนวร่วม บาริซาน เนชันแนล (บีเอ็น) ได้สำเร็จในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 9 พ.ค. ปีเดียวกัน