รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรี มูห์ยิดดิน ยาสซิน ของมาเลเซีย จะรอดพ้นจากการลงมติไม่ไว้วางใจในรัฐสภา อดีตนายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮาหมัด กล่าวในบทสัมภาษณ์ที่เผยแพร่ในวันพุธ (11)
มหาเธร์ นักการเมืองมากประสบการณ์วัย 94 ปี บริหารประเทศนี้ตั้งแต่ปี 1981-2003 และพลิกล็อกกลับสู่อำนาจอีกครั้งในปี 2018 ด้วยการเอาชนะกลุ่มพันธมิตรที่กุมบังเหียนประเทศมายาวนานกว่า 60 ปี กลุ่มซึ่งเขาเคยเป็นผู้นำในฐานะนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาการเป็นนายกรัฐมนตรีล่าสุดของเขาจบลงด้วยการลาออกอย่างกะทันหันในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ หนึ่งวันหลังจากพันธมิตรร่วมรัฐบาลบางส่วนถูกเจอว่าไปนัดพูดคุยกับศัตรูของเขา
มหาเธร์ กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ภาษามาเลย์ ซินาร์ ฮาเรียน ว่า เขาไม่ได้คุมเสียงส่วนใหญ่ในสภาอีกแล้ว หลังจากผู้สนับสนุนบางส่วนทิ้งเขาไปเข้าร่วมกับฝ่ายของมูห์ยิดดิน
“เราเคยมีกว่า 114 ที่นั่ง แต่ตอนนี้เหลือไม่ถึงแล้ว” เขากล่าว และพูดถึงการโหวตไม่ไว้วางใจว่า “มันจะไม่สำเร็จ นั่นเพราะว่าเขาเอาคนของผมไปเข้ากับฝั่งเขา”
มหาเธร์จำเป็นจะต้องมีเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาอย่างน้อย 112 คนในสภาล่างเพื่อชนะการโหวตครั้งนี้
กลุ่มแนวร่วมปากาตัน ฮาราปัน ของเขา ซึ่งมีอดีตคู่แข่งอย่าง อันวาร์ อิบรอฮิม รวมอยู่ด้วย ประกาศว่าจะเปิดการโหวตไม่ไว้วางใจใจรัฐสภา เมื่อมีการเปิดประชุมใหม่ในวันที่ 9 มีนาคม
อย่างไรก็ตาม มูห์ยิดดิน ได้เลื่อนการเปิดประชุมรัฐสภาออกไปสองเดือน
ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในมาเลเซียในช่วงไม่กี่วันมานี้ทำให้ได้เห็นกลุ่มการเมืองเก่ากลับมาทวงอำนาจของพวกเขาเองอีกครั้ง
มูห์ยิดดิน อดีตรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยในคณะรัฐมนตรีของมหาเธร์ จับมือกับอดีตพรรครัฐบาลเก่า อัมโน ซึ่งแพ้การเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2018 และพรรคอิสลามิสต์ พีเอเอส เพื่อจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาลใหม่
สมเด็จพระราชาธิบดี อับดุลลาห์ สุลต่าน อาห์หมัด ชาห์ ทรงแต่งตั้งมูห์ยิดดินเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ โดยตรัสว่า มูห์ยิดดินน่าจะเป็นผู้ที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภามากที่สุด