เอเจนซีส์ - กลุ่มพันธมิตรแนวร่วมแห่งความหวัง (Pakatan Harapan - PH) ซึ่งรวมถึงพรรคของ อันวาร์ อิบราฮิม ประกาศสนับสนุนให้ มหาเธร์ โมฮาหมัด เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในวันนี้ (29 ก.พ.) เพียงไม่ถึง 1 สัปดาห์หลังจากที่ผู้นำเสือเฒ่าวัย 94 ปี สละเก้าอี้นายกฯ สายฟ้าแลบจนทำให้การเมืองมาเลเซียเข้าสู่ภาวะสับสนอลหม่าน
ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้เท่ากับว่า มหาเธร์ หวนกลับมาแท็กทีมกับ ‘อันวาร์ อิบราฮิม’ คู่รักคู่แค้นวัย 72 ปี เพื่อกอบกู้แนวร่วม PH ที่เคยสร้างปรากฏการณ์ชนะศึกเลือกตั้งแบบสุดเซอร์ไพรส์มาแล้วเมื่อปี 2018 ยุติเกมชิงอำนาจซึ่งทำให้ทั้ง 2 คนต้องตกที่นั่งลำบาก และเสี่ยงเปิดทางให้พรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) ที่มีประวัติทุจริตฉ้อฉลได้กลับมาครองอำนาจบริหารอีกครั้ง
“ขณะนี้ผมมั่นใจว่ามีจำนวน ส.ส. มากพอที่จะได้รับเสียงสนับสนุนส่วนใหญ่” มหาเธร์ ระบุในถ้อยแถลง
กลุ่มแนวร่วมแห่งความหวังออกคำแถลงยืนยันว่า “ปากาตัน ฮาราปัน ขอประกาศสนับสนุนอย่างเต็มที่ให้ ดร.มหาเธร์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” ขณะที่ อันวาร์ ก็ทวีตข้อความว่าตัวเขาเองให้การสนับสนุน มหาเธร์ เช่นกัน
จากสถานการณ์ล่าสุดนี้ทำให้ มหาเธร์ มีหวังที่จะรวบรวมเสียง ส.ส. ได้มากพอสำหรับการกลับมาปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีแบบเต็มเวลาอีกครั้ง
สิ่งที่น่าจับตามองต่อจากนี้ก็คือท่าทีจากพรรค ปาร์ตี ปริบูมี เบอร์ซาตู มาเลเซีย (PPBM) ของมหาเธร์ ซึ่งเวลานี้หันไปจับขั้วตั้งกลุ่มพันธมิตรใหม่กับพรรคอัมโนและพรรค PAS ซึ่งเป็นพรรคสายอิสลามิสต์ แถมยังประกาศชู มูห์ยิดดิน ยัสซิน (Muhyiddin Yassin) อดีตรัฐมนตรีมหาดไทยวัย 72 ปี ให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ แทน มหาเธร์
สมาชิกคณะกรรมการบริหารพรรคเบอร์ซาตูคนหนึ่งเคยให้สัมภาษณ์ว่า พรรคยังพร้อมสนับสนุน มหาเธร์ อยู่ ทว่าต่อมาก็ถอนคำพูดดังกล่าว
ล่าสุด มีรายงานจากเว็บไซต์ข่าว malaymail ว่า กลุ่ม ส.ส.รุ่นใหม่ในพรรคเบอร์ซาตูออกมาประกาศหนุน มหาเธร์ เป็นนายกรัฐมนตรี และยังอ้างว่าแถลงการณ์ของ ส.ส.พรรคเบอร์ซาตู 36 คนที่ประกาศหนุน มูห์ยิดดิน เป็นนายกฯ เมื่อวานนี้ (28) “ยังไม่ได้ผ่านการรับรองอย่างสมบูรณ์” จากคณะกรรมการบริหารพรรค
มหาเธร์ และ อันวาร์ จัดว่าเป็นนักการเมืองแถวหน้าของมาเลเซียตั้งแต่ยุคแรกที่ มหาเธร์ ครองอำนาจอย่างยาวนานในช่วงปี 1981-2003 ก่อนที่ทั้งคู่จะกลายมาเป็นศัตรูกัน และกลับมาทำสัญญาการเมืองกันอีกครั้ง กระทั่งสามารถคว่ำรัฐบาลของ นาจิบ ราซัก ผู้นำพรรคอัมโนที่พัวพันคดีทุจริตในศึกเลือกตั้งเดือน พ.ค. ปี 2018
กระนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ยังไม่ราบรื่น โดย มหาเธร์ ปฏิเสธที่จะกำหนดวันเวลาในการผ่องถ่ายอำนาจให้ อันวาร์ ตามที่ตกลงกันไว้ก่อนเลือกตั้ง และนี่อาจเป็นปัจจัยที่ผลักดันการเมืองมาเลเซียมาถึงจุดนี้
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนทั้งคู่จะตัดสินใจผนึกกำลังกันอีกรอบเพื่อสกัดการกลับมาของพรรคอัมโน
“ปากาตัน มีแคตดิเดตเพียงแค่คนเดียวที่สามารถดึงเสียงสนับสนุนจาก ส.ส. ส่วนใหญ่ได้ นั่นคือมหาเธร์ ไม่ใช่อันวาร์” อาดีบ ซัลกัปลิ นักวิเคราะห์จาก Bower Group Asia ให้ความเห็น “อันวาร์ ต้องออมแรงเอาไว้สู้วันหลัง แต่วันนี้ภารกิจหลักของพวกเขาคือต้องหยุดพรรคอัมโนและ PAS ไม่ให้กลับมาเป็นรัฐบาลได้”
พรรคอัมโนซึ่งเคยมี มหาเธร์ เป็นผู้นำในช่วงปี 1981-2003 มีนโยบายส่งเสริมแนวคิดชาตินิยมมาเลย์ และหลังจากที่ก้าวพลาดจนเสียอำนาจบริหารให้แก่กลุ่มแนวร่วมแห่งความหวังในปี 2018 อัมโนก็เริ่มพลิกสถานการณ์จนสามารถชนะเลือกตั้งซ่อมได้ถึง 5 ครั้ง ขณะที่รัฐบาลแนวร่วมแห่งความหวังถูกวิจารณ์ว่าไม่เอื้อประโยชน์ให้แก่ชาวมาเลย์ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศมากเท่าที่ควร