เอเจนซีส์ - โยชิฮิเดะ ซูงะ เปิดตัวคณะรัฐมนตรีทันทีหลังได้รับการโหวตรับรองจากรัฐสภาให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนใหม่เมื่อวันพุธ (16 ก.ย.) โดยสมาชิกครึ่งหนึ่งเป็นคนหน้าเดิมจากรัฐบาลชินโซ อาเบะ ขณะที่ผู้นำใหม่แดนอาทิตย์อุทัยยังประกาศภารกิจสำคัญในการจัดการกับโควิด-19 และการฟื้นเศรษฐกิจที่ถดถอยตั้งแต่ก่อนเกิดโรคระบาด
ซูงะ วัย 71 ปี ซึ่งทำหน้าที่ผู้ช่วยมือขวาของอาเบะมายาวนาน ประกาศสานต่อโครงการต่างๆ ของอาเบะ รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจ “อาเบะโนมิกส์” และเดินหน้าปฏิรูปเชิงโครงสร้าง อาทิ การผ่อนคลายกฎระเบียบ และการสงบศึกในหมู่ข้าราชการ
นายกรัฐมนตรีคนใหม่ยังแย้มว่า ในที่สุดแล้วญี่ปุ่นอาจต้องขึ้นภาษีการขายที่ขณะนี้อยู่ที่ 10% เพื่อนำไปใช้จ่ายด้านสวัสดิการสังคม แต่คงยังไม่ใช่ในทศวรรษหน้า
ทั้งนี้ อาเบะที่ได้ชื่อว่า เป็นนายกรัฐมนตรีที่ครองตำแหน่งยาวนานที่สุดของญี่ปุ่น ได้ขอลาออกเนื่องจากปัญหาสุขภาพหลังรับหน้าที่มาเกือบ 8 ปี กระนั้น เขาจะยังคงเป็นสมาชิกสภาล่างต่อไป
ซูงะนั้นรับตำแหน่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรีในสมัยอาเบะ ซึ่งมีบทบาทหน้าที่สำคัญและทรงอิทธิพลมากในระบบการเมืองของญี่ปุ่น โดยเป็นทั้งหัวหน้าโฆษกรัฐบาลและเป็นผู้ประสานงานนโยบายต่างๆ
การขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของเขาแทบเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว หลังจากคว้าชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกผู้นำพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) เมื่อวันจันทร์ (14) ในเมื่อพรรคนี้กับพันธมิตรครองเสียงข้างมากในสภาทั้งสองของรัฐสภา อย่างไรก็นี้มองกันว่ารัฐบาลซูงะจะต้องเผชิญความท้าทายมากมายซึ่งรวมถึงการจัดการกับโควิด-19 ควบคู่กับการฟื้นเศรษฐกิจ และรับมือสังคมชราภาพ
ขณะที่ด้วยประสบการณ์ด้านการพูดโดยตรงเพียงน้อยนิด ซูงะต้องรับมือการเผชิญหน้าระหว่างอเมริกากับจีน สร้างสัมพันธ์กับผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 3 พฤศจิกายน และพยายามรักษาความสัมพันธ์กับปักกิ่ง
สำหรับสมาชิกคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ครึ่งหนึ่งเป็นคนหน้าเดิมจากรัฐบาลอาเบะ และมีรัฐมนตรีหญิงเพียง 2 คน ขณะที่อายุเฉลี่ยของสมาชิกคณะรัฐมนตรีอยู่ที่ 60 ปี
ในบรรดาสมาชิกหน้าเดิมที่ยังรั้งตำแหน่งสำคัญไว้ได้นั้นมีอาทิ รัฐมนตรีคลัง ทาโร อาโสะ และรัฐมนตรีต่างประเทศ โทชิมิตสึ โมเตกิ รวมถึงรัฐมนตรีโอลิมปิก ไซโกะ ฮาชิโมโตะ และรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม ชินจิโร โคอิซูมิ วัย 39 ปี บุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรีจุนอิชิโร โคอิซูมิ
ทางด้าน โนบูโอะ คิชิ น้องชายอาเบะ ได้คุมกระทรวงกลาโหม ขณะที่เจ้ากระทรวงคนเดิมคือ ทาโร โคโนะ โยกไปดูแลกระทรวงการปฏิรูปการบริหาร ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาเคยรับหน้าที่มาก่อน
ยาสึโทชิ นิชิมูระ ยังคงนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับฮิโรชิ คาจิยามะ รัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรม ส่วนคัตสึโนบุ คาโตะ พันธมิตรใกล้ชิดของซูงะ ย้ายจากรัฐมนตรีสาธารณสุขไปเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
โทโมยะ มาซานาโอะ ประธานบริษัทลงทุน พิมโค เจแปน มองว่า เป้าหมายของซูงะในการทำให้สังคมเข้าสู่ระบบดิจิตอลมากขึ้น จะส่งผลให้ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนกว้างขึ้น และต้องใช้ทุนทางการเมือง
เขายังวิจารณ์ว่า คณะบริหารของอาเบะสร้างทุนทางการเมืองด้วยนโยบายผ่อนคลายทางการเงินและการคลัง ทักษะการทูตที่สมดุลระหว่างอเมริกากับจีน และการดำเนินนโยบายการเมืองที่ยืดหยุ่น แต่สิ่งที่รอรัฐบาลใหม่อยู่คือเส้นทางวิบาก
ขณะเดียวกัน มีการคาดการณ์กันว่า ซูงะอาจจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาล่างก่อนกำหนดเพื่อหวังฉกฉวยโอกาสที่คะแนนนิยมจากประชาชนกำลังเพิ่มขึ้น แม้เจ้าตัวออกปากว่า เป้าหมายสำคัญอันดับแรกคือการจัดการวิกฤตโรคระบาด ซึ่งจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อโอกาสในการจัดโตเกียว โอลิมปิกในปีหน้า และการฟื้นเศรษฐกิจที่ถดถอยตั้งแต่ก่อนโควิด-19 ระบาดก็ตาม