พวกผู้ประท้วงอย่างน้อย 100,000 คน รวมตัวกันบนท้องถนนในกรุงมินสก์ เมื่อวันอาทิตย์ (13 ก.ย.) หนึ่งในการชุมนุมต่อต้านประธานาธิบดี อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ครั้งใหญ่ที่สุด หลังจากเขาอ้างคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย แต่พวกฝ่ายต่อต้านกล่าวหาว่ามีการโกงกันอย่างมโหฬาร
เกิดการประท้วงระลอกแล้วระลอกเล่าในเบลารุส นับตั้งแต่ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 9 สิงหาคม ซึ่งพวกผู้ชุมนุมบอกว่าชัยชนะที่แท้จริงควรตกเป็นของ สเวียตลานา ชิคานูสกายา คู่แข่งจากพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งตั้งแต่นั้นทั้งโดนจำคุกและต้องหลบหนีออกนอกประเทศ โดยเวลานี้เธอพำนักอยู่ในลิธัวเนีย
ลูคาเชนโก ซึ่งปกครองประเทศอดีตสหภาพโซเวียตแห่งนี้มานานกว่า 26 ปี ปฏิเสธว่า ไม่ได้โกงเลือกตั้งและบอกว่ามหาอำนาจต่างชาติอยู่เบื้องหลังการประท้วง
ผู้ประท้วงพากันเดินขบวนไปทั่วกรุงมินสก์ มุ่งหน้าสู่เขตบริหารแห่งหนึ่งในวันอาทิตย์ (13 ก.ย.) พร้อมตะโกนว่า “เบลารุสจงเจริญ” และ “แกมันหนูสกปรก” คำพูดเหน็บแนมที่มักใช้ด่าทอ ลูคาเชนโก ระหว่างการชุมนุม
การเดินขบวนต้องสะดุดลง เมื่อตำรวจปราบจลาจลหลายร้อยนายพร้อมโล่ป้องกัน ตั้งแถวปิดกั้นถนน ขณะที่สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นรายงานว่า นอกจากในกรุงมินสก์แล้ว ที่เมืองเบรสต์ ก็พบเห็นการประท้วงเช่นกัน และถูกตำรวจใช้ปืนฉีดน้ำเข้าสลายการชุมนุม
ตำรวจเผยได้จับกุมผู้ประท้วงที่กรุงมินสก์เพียงแห่งเดียว ไปกว่า 400 คน และสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างผู้เห็นเหตุการณ์ ระบุว่า การเข้าควบคุมตัวยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงเย็นของวันอาทิตย์ (13 ก.ย.)
บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด ด้วยตำรวจจำนวนมากกระจายกำลังไปตามพื้นที่ต่างๆ ของเมืองหลวง และบางพื้นที่ถูกปิดกั้นด้วยแนวรั้วลวดหนาม ในนั้นรวมถึงจัตุรัสออคเทียบราสกายและจัสตุรัสเอกราช ซึ่งปกติแล้วมักถูกใช้เป็นศูนย์กลางการชุมนุมต่อต้านรัฐบาล
สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ของรัสเซียรายงานว่า มีการยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อเตือนพวกผู้ประท้วงในพื้นที่หนึ่ง ซึ่งเป็นย่านพักอาศัยของผู้นำเบลารุส ในกรุงมินสก์ และในเรื่องนี้ทางกระทรวงมหาดไทยยืนยันในเวลาต่อมา ว่า มีการยิงปืนขึ้นสู่ท้องฟ้า 1 นัดจริง
สถานการณ์ความไม่สงบมีขึ้นในขณะที่ ลูคาเชนโก ซึ่งอยู่ในอำนาจมาตั้งแต่ปี 1994 เตรียมเดินทางไปยังรัสเซียในวันจันทร์ (14 ก.ย.) เพื่อพูดคุยกับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน
รัสเซีย ประเทศเพื่อนบ้านและพันธมิตรเก่าแก่ ได้ยกระดับสนับสนุน ทั้งเสนอปรับโครงสร้างหนี้แก่เบลารุส และเสริมสภาพคล่องแก่ภาคธนาคาร นอกจากนี้ มีรายงานว่า ตำรวจปราบจลาจลรัสเซียอาจพร้อมเข้าช่วยเหลือหากมีความจำเป็น
เมื่อวันอาทิตย์ (13 ก.ย.) กระทรวงกลาโหมของรัสเซียบอกว่าจะส่งทหารพลร่มจากหน่วยรบปัสคอฟ ไปยังเบลารุส เพื่อฝึกซ้อมร่วม ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ (14 ก.ย.) ไปจนถึงวันที่ 25 กันยายน
อย่างไรก็ตาม บนท้องถนนในกรุงมินสก์ ฝ่ายตรงข้ามบางส่วนของประธานาธิบดี ลูคาเชนโก แสดงความหวังว่า ขนาดมหึมาของการชุมนุมในวันอาทิตย์ (13 ก.ย.) จะบ่อนทำลายผู้นำเบลารุส และทำให้เป็นเรื่องยากที่ ปูติน จะให้การสนับสนุนเขาอย่างเปิดเผย
(ที่มา:รอยเตอร์)