ผู้ประท้วงนับแสนคนเมื่อวันอาทิตย์ (6 ก.ย.) เดินขบวนไปยังพื้นที่รอบนอกของทำเนียบประธานาธิบดีในเมืองหลวงของเบลารุส เรียกร้องให้ผู้นำเผด็จการของประเทศลาออกจากตำแหน่ง ในขณะที่การชุมนุมขับไล่ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก เข้าสู่สัปดาห์ที่ 5 แล้ว
การประท้วงยังเกิดขึ้นในอีกหลายเมืองทั่วเบลารุส จากการเปิดเผยของโฆษกกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ ไม่มีการรายงานจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุม แต่ อาเลส เบียเลียตสกี หัวหน้ากลุ่มสิทธิมนุษยชนเวียสนา อ้างว่าเฉพาะการประท้วงในกรุงมินส์ก ก็มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 100,000 คนแล้ว
เหตุประท้วงซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในเบลารุส ทั้งในแง่ของจำนวนผู้เข้าร่วมและระยะเวลาความยืดเยื้อ ได้เริ่มขึ้นหลังศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งระบุว่า ลูคาเชนโกได้รับเสียงสนับสนุน 80% นั่งเก้าอี้ผู้นำประเทศเป็นสมัยที่ 6 แต่พวกผู้ประท้วงบอกว่ามีการโกงผลเลือกตั้ง
ลูคาเชนโกปกครองประเทศแห่งนี้ด้วยกำปั้นเหล็กมาตั้งแต่ปี 1994 มีการปราบปรามผู้เห็นต่างเป็นประจำและริดลอนเสรีภาพการแสดงออก
ตำรวจใช้ความรุนแรงปราบปรามผู้ประท้วงในวันแรกๆ ของการชุมนุม จับกุมประชาชนไปราว 7,000 ราย และทุบตีทำร้ายหลายร้อยคน แม้ต่อมาพวกเจ้าหน้าที่ได้ลดระดับการใช้ความรุนแรงลง แต่ก็ยังเดินหน้าจับกุมผู้ประท้วงอย่างไม่ลดละ ขณะที่ทางกลุ่มสิทธิมนุษยชนเวียสนา ระบุว่ามีประชาชนหลายคนถูกควบคุมตัวในกรุงมินส์กและเมืองกรอดโน ในวันอาทิตย์ (6 ก.ย.)
ตำรวจและทหารปิดกั้นย่านใจกลางกรุงมินส์กในวันอาทิตย์ (6 ก.ย.) แต่พวกผู้ประท้วงพากันเดินขบวนไปตามท้องถนนสายต่างๆ รอบๆ ทำเนียบอิสรภาพ ซึ่งเป็นบ้านพักและสถานที่ทำงานของประธานาธิบดี ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองไปราวๆ 3 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม บริเวณทำเนียบมีตำรวจปราบจลาจลพร้อมเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ตั้งแนวคอยคุ้มกัน
มาเรีย โคเลสนิโควา แกนนำสภาความร่วมมือซึ่งจัดตั้งโดยฝ่ายค้าน ในความพยายามหาทางเจรจากับ ลูคาเชนโก ผู้นำวัย 66 ปี เกี่ยวกับการเปลี่ยนถ่ายอำนาจ กล่าวว่า “ยุทโธปกรณ์ทางทหาร เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง การโฆษณาชวนเชื่อและการจับกุม ไม่อาจหยุดกระแสคลื่นของประชาชน ชาวเบลารุสเกือบทั้งหมดต้องการเปลี่ยนถ่ายอำนาจอย่างสันติ และเราจะไม่เหนื่อยล้ากับข้อเรียกร้องนี้”
ลูคาเชนโก ปฏิเสธข้อเสนอเจรจาใดๆ กับสภาความร่วมมือ และมีแกนนำของสภาแห่งนี้บางส่วนที่ถูกคุมขัง ขณะที่หนึ่งในนั้น โอลกา โควาโลวา ถูกตำรวจขับไล่ออกนอกประเทศไปยังโปแลนด์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้แล้ว เจ้าหน้าที่ยังถอนหนังสือรับรองผู้สื่อข่าวเบลารุสหลายคน และเนรเทศสื่อมวลชนต่างชาติบางส่วน ในนั้นรวมถึงผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวเอพีประจำกรุงมอสโก ขณะที่ผู้สื่อข่าวเบลารุสของเอพีก็เป็นหนึ่งในกลุ่มสื่อมวลชนที่ถูกถอนหนังสือรับรอง
(ที่มา : เอพี)