เอเจนซีส์ – รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯเรียกร้องอาเซียนตัดสัมพันธ์บริษัทจีนที่ช่วยสร้างเกาะเทียมในทะเลจีนใต้ ขณะที่มนตรีแห่งรัฐแดนมังกรกลับชี้ว่าวอชิงตันกำลังเข้ามาก้าวก่ายแทรกแซงโดยตรงในข้อพิพาทต่างๆ ในน่านน้ำแห่งนี้เพื่อสนองความต้องการทางการเมืองของตัวเอง ส่วนประเทศอาเซียนนั้นมีท่าทีว่า ไม่ต้องการเลือกข้างหรือถูกดึงเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ทางภูมิรัฐศาสตร์ของสองมหาอำนาจโลก
ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกร้องดังกล่าวในวันพฤหัสบดี (10 ก.ย.) ระหว่างการประชุมออนไลน์กับบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียน ที่ถูกครอบงำด้วยบรรยากาศการเป็นปรปักษ์ระหว่างอเมริกากับจีน โดยเฉพาะเรื่องทะเลจีนใต้ ทั้งนี้เมื่อเดือนที่แล้ววอชิงตันออกมาตรการแซงก์ชันบริษัทของรัฐบาลจีน 24 แห่งที่ช่วยปักกิ่งสร้างเกาะเทียมและการเสริมสร้างแสนยานุภาพทางทหารในน่านน้ำดังกล่าว
พอมเพโอกล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต่างๆ ในอาเซียนจะไม่ได้แค่พูดแต่ลงมือทำ ด้วยการทบทวนความสัมพันธ์กับบริษัทที่ทำงานให้จีนในทะเลจีนใต้ ซึ่งถือเป็นการรังแกหลายประเทศในอาเซียนที่มีสิทธิ์ในทะเลจีนใต้เช่นเดียวกัน
การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียนปีนี้ยังเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากที่ปักกิ่งยิงขีปนาวุธไปตกในทะเลจีนใต้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการซ้อมรบแบบใช้อาวุธจริง ทั้งนี้ภายหลังจากสหรัฐฯส่งหมู่เรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีของตนถึง 2 หมู่พร้อมกันเข้ามายังทะเลจีนใต้ ตลอดจนช่องแคบไต้หวันอยู่หลายรอบในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา
ทางด้านฝ่าม บิ่งห์ มิงห์ รัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามซึ่งเป็นเจ้าภาพการประชุม แสดงความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับการสะสมกำลังทางทหารในทะเลจีนใต้เมื่อเร็วๆ นี้ โดยกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวบั่นทอนความไว้วางใจและความเชื่อมั่น รวมถึงสันติภาพ ความมั่นคง และหลักนิติธรรมในภูมิภาค อีกทั้งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น
ในทางกลับกัน ฝ่ามเสริมว่า ความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯนำมาซึ่งผลประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งชื่นชมบทบาทของอเมริกาในการรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่นคงในภูมิภาคนี้
ทว่า สัปดาห์ที่แล้ว ฟิลิปปินส์ออกตัวชัดเจนว่า จะไม่เดินตามอเมริกาเนื่องจากยังต้องการการลงทุนจากจีน แม้มะนิลามีความขัดแย้งกันสดๆ ร้อนๆ กับปักกิ่งเกี่ยวกับแนวปะการังสการ์โบโรห์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งประมงสำคัญในทะเลจีนใต้ และทำให้การเจรจาสะดุดลงก็ตาม
ทางด้าน หวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐ และรัฐมนตรีต่างประเทศของจีน กล่าวระหว่างการประชุมกับบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในวันพุธ (9) โดยระบุว่า ผลประโยชน์ใหญ่ที่สุดของจีนในน่านน้ำทะเลจีนใต้คือ “สันติภาพและเสถียรภาพ” พร้อมกับกล่าวหาว่าสหรัฐฯกำลังเข้ามาแทรกแซงโดยตรงในข้อพิพาทต่างๆ ในทะเลจีนใต้ ก็เพื่อสนองความต้องการทางการเมืองของตนเอง
หวังกล่าวหาว่าสหรัฐฯ “กำลังสร้างความตึงเครียดและหาประโยชน์จากมัน” พร้อมกับบอกว่าเวลานี้ “สหรัฐฯกำลังกลายเป็นปัจจัยอันตรายที่สุดซึ่งกำลังทำลายสันติภาพในทะเลจีนใต้ “ และสำทับว่าวอชิงตันคือตัวขับดันใหญ่ที่สุดของการสั่งสมแสนยานุภาพทางทหารในภูมิภาคแถบนี้
เร็ตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวันพุธ (9) ซึ่งเป็นวันแรกของการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนคราวนี้ โดยกล่าวว่า อาเซียนไม่ต้องการเข้าไปติดกับอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสองมหาอำนาจของโลก และแสดงความกังวลกับการสะสมแสนยานุภาพทางทหารในทะเลจีนใต้
ขณะที่คอลลิน โก๊ะห์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงของเอส. ราชารัตนัม สกูล ออฟ อินเตอร์เนชันแนล สตัดดีส์ในสิงคโปร์ มองว่า อาเซียนไม่ต้องการเลือกข้างหรือถูกมองว่าเลือกข้าง แต่จะหารือกับจีนเกี่ยวกับความคืบหน้าของแนวปฏิบัติทางทะเลและการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 และจะพูดคุยกับอเมริกาเรื่องการเพิ่มการลงทุนจากธุรกิจอเมริกัน