ไฟป่าในภาคตะวันของสหรัฐฯ ยังคงลุกลามเผาบ้านเรือนประชาชนไปหลายร้อยหลัง และทำให้เกิดกลุ่มควันหนาทึบบดบังแสงอาทิตย์จนท้องฟ้ากลายเป็นสีส้ม ราวกับวันสิ้นโลก ขณะที่ทางการเตือนอาจมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
วิกฤตไฟป่าคราวนี้คร่าชีวิตพลเมืองไปแล้วอย่างน้อย 6 ราย แต่เจ้าหน้าที่คาดว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีกในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า เนื่องจากมีอีกหลายพื้นที่ซึ่งยังไม่สามารถเข้าถึงได้
เคต บราวน์ ผู้ว่าการรัฐออริกอน ระบุว่า ไฟได้ลุกลามเผาทำลายบ้านเรือนในเมืองขนาดเล็กอย่างน้อย 5 แห่ง จนต้องมีการอพยพประชาชนจำนวนมาก
“นี่อาจเป็นการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจากไฟป่าครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐเรา” เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
ทางการรัฐแคลิฟอร์เนียและวอชิงตันเร่งสกัดไฟป่า ซึ่งลุกลามขยายวงกว้างอย่างรวดเร็วตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ เนื่องจากมีคลื่นความร้อนและกระแสลมแรงเป็นตัวกระตุ้น
หนึ่งในผู้เสียชีวิตเมื่อวานนี้ (9 ก.ย.) เป็นเด็กทารกอายุเพียง 1 ขวบ ขณะที่พ่อแม่เด็กถูกไฟคลอกอาการสาหัส ระหว่างพยายามหนีเอาชีวิตรอดจากไฟป่าทางตะวันออกของเมืองซีแอตเติล
เจ้าหน้าที่ยังพบผู้เสียชีวิตอีก 3 ราย ทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย และอีก 2 ราย ที่เขตแซนเทียมแคนยอน (Santiam Canyon) ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองพอร์ตแลนด์ในรัฐออริกอนไปทางใต้ราว 60 ไมล์
อิทธิพลของไฟป่ายังทำให้เกิดกลุ่มควันหนาทึบบดบังแสงอาทิตย์ จนท้องฟ้าเหนือนครซานฟรานซิสโก เปลี่ยนเป็นสีส้มแดงราวกับฉาก ‘วันสิ้นโลก’ ในภาพยนตร์ไซไฟ
ทัศนวิสัยที่ย่ำแย่ทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์ข้ามสะพานโกลเดนเกต จำเป็นต้องเปิดไฟตลอดทั้งวัน
“เราทราบว่า ควัน ความมืด และแสงสีส้ม ทำให้บรรยากาศดูน่ากลัว ขอให้ทุกท่านอยู่ในความสงบและพยายามอยู่แต่ในบ้าน” สำนักงานดับเพลิงรัฐแคลิฟอร์เนียแถลงผ่านทวิตเตอร์
รัฐแคลิฟอร์เนียได้มีคำสั่งอพยพประชากรราว 64,000 คน เมื่อวานนี้ (9) ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงราว 14,000 นาย ยังคงต่อสู้กับไฟป่าขนาดใหญ่ 28 จุด ที่กระจายตัวอยู่ทั่วรัฐ
ผู้อพยพราว 1 ใน 3 อาศัยอยู่ในเทศมณฑลบัตต์ (Butte) ทางตอนเหนือของซาคราเมนโต ซึ่งไฟป่าได้เผาทำลายพื้นที่ไปมากกว่า 200,000 เอเคอร์ ตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค.
วิกฤตไฟป่าในปีนี้ลุกลามกินพื้นที่ในรัฐแคลิฟอร์เนียไปแล้วมากกว่า 2.5 ล้านเอเคอร์ ซึ่งถือว่ารุนแรงเป็นประวัติการณ์ และยังคงเหลือเวลาอีกเกือบ 4 เดือน กว่าจะสิ้นสุดฤดูไฟป่า
ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี