เอเจนซีส์ – ทางการแคลิฟอร์เนียสั่งอพยพประชาชนหลายหมื่นคนท่ามกลางคลื่นความร้อนสูงที่มาซ้ำเติมปัญหาโรคระบาดโควิด-19 วานนี้ (20 ส.ค.) ขณะที่พายุไฟซึ่งมีสาเหตุจากฟ้าผ่ายังคงลุกลามเผาไหม้หญ้าและไม้พุ่มแห้งๆ บริเวณรอบอ่าวซานฟรานซิสโกอย่างรวดเร็ว จนทำให้เกิดกลุ่มควันสีดำปกคลุมทั่วท้องฟ้าและส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ
ปรากฏการณ์ฟ้าผ่าที่เกิดขึ้นราว 11,000 ครั้งทางตอนเหนือและตอนกลางของรัฐแคลิฟอร์เนียทำให้มีไฟป่าปะทุขึ้นกว่า 370 จุดในสัปดาห์นี้ ขณะที่บ้านเรือนประชาชนหลายพันหลังเสี่ยงถูกไฟเผาวอด จนนำมาสู่คำสั่งอพยพคนครั้งใหญ่
ทางการได้ขยายคำสั่งอพยพให้ครอบคลุมอีกหลายเทศมณฑล หลังจากไฟป่ายังคงลุกลามเผาผลาญบ้านเรือน ตัดเส้นทางสัญจร และสร้างความเสียหายแก่อุทยานแห่งรัฐ (state park) ที่เก่าแก่ที่สุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระบุว่ามีประชาชนอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงแล้วราวๆ 60,000 คน แต่ยังมีอีก 100,000 คนที่ทางการได้ประกาศเตือนให้อพยพเช่นกัน
พื้นที่ป่าในตอนกลางและตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนียถูกไฟป่าเผาทำลายไปแล้วเกือบ 350,000 เอเคอร์ (ราว1,416ตารางกิโลเมตร) รวมถึงที่ย่านโซโนมา (Sonoma) และนาปา (Napa) แหล่งปลูกองุ่นและผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียง ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากไฟป่าในช่วงไม่กี่ปีมานี้
“ปี 2020 ได้มอบอะไรหลายอย่างแก่เรา ทั้งโรคระบาด, ฟ้าผ่า, คลื่นความร้อนสูงเป็นวัติการณ์ และไฟป่า แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับแคลิฟอร์เนียก็คือพวกเราสามารถทนต่อสิ่งต่างๆ ได้” เกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ (20) หลังจากที่ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อระดมงบประมาณต่อสู้วิกฤตไฟป่า
เจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าร่วมภารกิจดับเพลิงเสียชีวิตไปแล้ว 2 นาย คนแรกเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องตกที่เทศมณฑลเฟรสโน (Fresno) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของซานฟรานซิสโก ขณะกำลังพยายามทิ้งน้ำเพื่อดับไฟ ส่วนคนที่สองเป็นพนักงานของบริษัท แปซิฟิก ก๊าซ แอนด์ อิเล็กทริก (PG&E) ซึ่งนอนเสียชีวิตอยู่ภายในรถขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่เคลียร์เสาและสายไฟฟ้าเมื่อวันพุธ (19)
ที่เทศมณฑลซานตาครูซซึ่งอยู่ใกล้ชายฝั่ง กลุ่มไฟป่าซึ่งเรียกว่า CZU Lightening Complex ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักต่ออุทยานแห่งรัฐเก่าแก่ที่สุดของแคลิฟอร์เนียอย่าง บิ๊ก เบซิน เรดวูดส์ (Big Basin Redwoods State Park) ซึ่งเต็มไปด้วยพืชตระกูลสนเรดวูดที่อาจมีอายุยาวนานถึง 2,000 ปี
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมีส่วนกระตุ้นให้สถานการณ์ไฟป่าแคลิฟอร์เนียมีความถี่และรุนแรงยิ่งขึ้น จากเดิมซึ่งมักจะเกิดในช่วงเดือน ส.ค.-พ.ย. ซึ่งเป็นฤดูไฟป่าก็กลายเป็นเกิดเกือบตลอดทั้งปี
