เอเจนซีส์ – “ทรัมป์” เดินทางไปเมืองเคโนชา หนึ่งในจุดเดือดระอุในสหรัฐฯเวลานี้ โดยนอกจากไม่พยายามเยียวยาความแตกแยกที่เกิดขึ้น ยังตราหน้าผู้ประท้วงต่อต้านลัทธิเหยียดเชื้อชาติสีผิวเป็นม็อบที่ก่อความรุนแรงภายในประเทศ พร้อมสนับสนุนอย่างเปิดเผยเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายซึ่งถูกกล่าวหากระทำป่าเถื่อน ขณะเดียวกัน ที่แอลเอก็เกิดเหตุประท้วงปะทุขึ้นมาระลอกใหม่หลังตำรวจยิงใส่ชายผิวดำกว่า 10 นัดจนเสียชีวิต
นักวิเคราะห์ต่างมองกันว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วาดหวังมานานแล้วที่จะเปลี่ยนประเด็นการหาเสียงเพื่อต่อสู้กับโจ ไบเดน แห่งพรรคเดโมแครต ให้ออกมาจากเรื่องวิกฤตโควิด-19 ที่ตัวเองถูกวิจารณ์ยับว่ารับมือผิดพลาด มาเป็นเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อยที่ดูจะเข้าทางมากกว่า ขณะเที่โพลจากหลายสำนักระยะหลังๆ ยังระบุว่า ทรัมป์กำลังมีคะแนนไล่จี้ไบเดนมากขึ้น
ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้ได้โอกาสครั้งสำคัญ จากการเยือนเมืองเคโนชา รัฐวิสคอนซิน ที่เพิ่งเกิดเหตุตำรวจผิวขาวรัวยิง จาค็อบ เบล็ก หนุ่มผิวดำ จนเป็นอัมพาตซีกล่าง และจุดชนวนการประท้วงรุนแรงระลอกใหม่ยืดเยื้อตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งยังมีคนตายไป 2 คน จากกระสุนปืนของวัยรุ่นผิวขาวซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มที่ตั้งตัวเป็นกองกำลังผู้รักษากฎหมายมือสมัครเล่น
ทรัมป์กล่าวย้ำขณะออกสำรวจความเสียหายในเมืองเคโนชาว่า ภาพที่เห็นไม่ใช่การประท้วงอย่างสันติแต่เป็นการก่อความรุนแรงภายในประเทศ
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ประท้วงอย่างสงบร้องเรียนว่า พวกผู้ยั่วยุให้เกิดความรุนแรงซึ่งมักเป็นคนขาว พยายามบ่อนทำลายการเคลื่อนไหวอย่างสันติด้วยการเข้าทำลายทรัพย์สินและอาคารสถานที่ต่างๆ ขณะที่หลายคนวิจารณ์ตำรวจอย่างรุนแรงและต้องการให้มีการปฏิรูปสถาบันนี้อย่างถอนรากถอนโคน
สองข้างทางที่ขบวนรถประธานาธิบดีแล่นผ่านเนืองแน่นด้วยกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์ฟากหนึ่ง และอีกฟากเป็นผู้ประท้วงกลุ่มแบล็กไลฟ์ ซึ่งตะโกนใส่กันและบางครั้งมีการเผชิญหน้าอย่างตึงเครียด
ทรัมป์แวะร้านเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่งที่ถูกเผาวอดและบอกกับเจ้าของว่า จะช่วยสร้างให้ใหม่ รวมทั้งยังชมหน่วยงานรักษากฎหมายที่ปราบปรามการประท้วงก่อความรุนแรง และสำทับว่า จะจัดงบประมาณอย่างน้อย 47 ล้านดอลลาร์ให้หน่วยงานรักษากฎหมาย ธุรกิจขนาดเล็ก และโครงการรักษาความปลอดภัยสาธารณะของวิสคอนซิน และทิ้งท้ายว่า คณะบริหารจะทำให้เคโนชากลับสู่สภาพปกติอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี ทรัมป์ไม่ได้เดินทางไปพบครอบครัวเบล็ค ทั้งที่บอกก่อนออกเดินทางจากวอชิงตันว่า เป็นไปได้ที่จะไป
เคโนชากลายเป็นศูนย์กลางการประท้วงแห่งใหม่ และดึงดูดกลุ่มคนขาวปีกขวาติดอาวุธที่ทำตัวเป็นศาลเตี้ย ซึ่งสมาชิกคนหนึ่งคือ ไคลี ริตเตนเฮาส์ วัย 17 ปี ขณะที่ทรัมป์โจมตีว่า เมืองในการบริหารของเดโมแครตอย่างเช่นเคโนชา กลายเป็นเมืองที่ไม่มีขื่อมีแป และขู่ซ้ำว่า จะส่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางไปยังเมืองเหล่านั้น
ริตเติลเฮาส์ ซึ่งเป็นสนับสนุนทรัมป์ ถูกกล่าวหายิงผู้ประท้วงเสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บสาหัสอีก 1 คน โดยเมื่อวันจันทร์ (31 ส.ค.) ทรัมป์กล่าวแก้ต่างให้ว่า เด็กหนุ่มดูเหมือนต้องการป้องกันตัว และประณามการใช้ถ้อยคำต่อต้านโจมตีตำรวจ
ทั้งผู้ว่าการรัฐวิสคอนซินและนายกเทศมนตรีเคโนชา ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตทั้งคู่ ร้องขอไม่ให้ทรัมป์เดินทางไปเคโนชา แต่ไม่ได้ผล ขณะที่ไบเดนกล่าวหาประมุขทำเนียบขาวว่า ใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมือในการชนะการเลือกตั้ง
ขณะเดียวกัน ทางด้านทรัมป์ ได้กล่าวหามาตลอดว่า ไบเดนไร้ความสามารถในการจัดการการประท้วงที่กลายเป็นความรุนแรงในเมืองต่างๆ เช่น เคโนชา และพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน และยังว่า พรรคเดโมแครตไม่สามารถควบคุมสมาชิกปีกซ้ายได้
การเยือนเคโนชาของทรัมป์เกิดขึ้นขณะที่เกิดการประท้วงระลอกใหม่ในเมืองลอสแองเจลีส หลังเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง 2 นายรุมยิง ดิจอน คิซซี ชายผิวดำวัย 29 ปี กว่า 10 นัดจนเสียชีวิต
ร้อยโทแบรนดอน ดีน โฆษกสำนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเทศมณฑลลอสแองเจลีส แถลงเมื่อวันอังคารว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่เรียกให้คิซซีจอดรถจักรยานยนต์เนื่องจากฝ่าฝืนกฎจราจร แต่เมื่อเขากลับจอดรถแล้วก็พยายามหลบหนี แถมยังชกหน้าเจ้าหน้าที่นายหนึ่ง ส่วนสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ 2 นายยิงใส่ถึง 15-20 นัดคือตอนที่คิซซีทำปืนตกและกำลังจะก้มลงไปเก็บ
อย่างไรก็ดี เพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์บอกว่า ไม่เห็นคิซซีชกเจ้าหน้าที่ และไม่เห็นปืน และยังบอกว่า เจ้าหน้าที่ระดมยิงทั้งที่เขานอนคว่ำแน่นิ่งไปแล้ว