รอยเตอร์ - คาดหมายว่าจีนจะมีจำนวนหัวรบนิวเคลียร์เพิ่มขึ้นเท่าตัวในช่วงทศวรรษหน้า จากระดับต่ำราวๆ 200 หัวรบในปัจจุบัน และกำลังใกล้มีขีดความสามารถในการโจมตีทางนิวเคลียร์ทั้งทางบก อากาศและทะเล แสนยานุภาพที่เรียกว่าไตรแอด(triad) จากการเปิดเผยของเพนตากอนในวันอังคาร(1ก.ย.)
การออกมาเปิดเผยครั้งมีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และมีขึ้นในขณะที่วอชิงตันกำลังหาทางดึงปักกิ่งเข้าร่วมในสนธิสัญญาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซีย
ในรายงานประจำปีเกี่ยวกับกองกำลังจีนที่นำเสนอต่อสภาคองเกรส กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯระบุว่าจีนมีหัวรบนิวเคลียร์ระดับต่ำราวๆ 200 หัวรบ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่กองทัพอเมริกาเปิดเผยตัวเลขดังกล่าว ส่วนทางสมาพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน คาดหมายว่าจีนมีหัวรบนิวเคลียร์อยู่ราวๆ 320 ลูก
เพนตากอนระบุว่าการคาดการณ์เกี่ยวกับการเติบโตของคลังแสงนิวเคลียร์ของจีน อยู่บนพื้นฐานของปัจจัยต่างๆ ในนั้นรวมถึงกรณีที่ปักกิ่งมีวัสดุนิวเคลียร์มากพอที่จะเพิ่มคลังอาวุธนิวเคลียร์เป็นเท่าตัว โดยไม่จำเป็นต้องผลิตวัสดุฟิสไซล์พิ่มเติม
การคาดหมายของเพนตากอนเป็นไปตามกรอบการวิเคราะห์ของสำนักงานข่าวกรองกลาโหม "เรามีความกังวลอยู่บ้างเกี่ยวกับจำนวน แต่มันก็เป็นแค่ทิศทางของภาพกว้างๆในการพัฒนานิวเคลียร์ของจีน" แชด สบราเกีย รองผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการจีนบอกกับผู้สื่อข่าว
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นปี หลังสือพิมพ์โกลบอล ไทม์ส ที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน บอกว่าปักกิ่งต้องการขยายจำนวนหัวรบนิวเคลียร์เป็น 1,000 ลูก ภายในระยะเวลาค่อนข้างสั้น
สบราเกีย ระบุว่าจีนใกล้มีขีดความสามารถในการโจมตีทางนิวเคลียร์ไตรแอดโดยสมบูรณ์ บ่งชี้ว่าปักกิ่งมีความคืบหน้ามากกว่าที่รู้กันก่อนหน้านี้ โดยก่อนหน้าจีนมีแค่ 2 ใน 3 ของปฏิบัติการไตรแอด แต่กำลังพัฒนาขีปนาวุธยิงจากอากาศที่มีศักยภาพติดหัวรบนิวเคลียร์
รายงานระบุในเดือนตุลาคม 2019 จีนเปิดเผยต่อสาธารณะว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ H-6N จะเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศลำแรกที่มีศักยภาพติดหัวรบนิวเคลียร์
วอชิงตันเรียกร้องซ้ำๆให้จีนเข้าร่วมในการเจรจาไตรภาคีเพื่อขยายกรอบของ New START สนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯกับรัสเซีย ซึ่งมีกำหนดหมดอายุลงในเดือนกุมภาพันธ์
อย่างไรก็ตามจีนบอกว่าไม่มีความสนใจเข้าร่วมการเจรจา โดยอ้างว่าคลังแสงนิวเคลียร์ของสหรัฐฯมีขนาดใหญ่กว่าของจีนราวๆ 20 เท่า
ในเดือนกรฏาคม นักการทูตระดับสูงของจีนรายหนึ่งบอกว่าปักกิ่งยินดีที่จะเข้าร่วมการเจรจาควบคุมอาวุธไตรภาคี แต่มีเงื่อนไขว่าสหรัฐฯต้องแสดงความตั้งใจลดคลังแสงนิวเคลียร์ของตนเองลงมาอยู่ในระดับเดียวกับจีน
สมาพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน ระบุว่าคลังแสงนิวเคลียร์ของจีนคิดเป็นแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของสหรัฐฯ ซึ่งมีคลังหัวรบนิวเคลียร์ราวๆ 3,800 ลูก เช่นเดียวกับรัสเซีย ที่มีหัวรบนิวเคลียร์อยู่ในคลังแสงประมาณ 4,300 ลูก
ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯคุกรุ่นมานานหลายเดือน โดยวอชิงตันมีปัญหากับแนวทางรับมือการแพร่ระบาดโควิด-19 ของจีนและความเคลื่อนไหวจำกัดเสรีภาพในฮ่องกง ทั้งนี้ท่าทีของอเมริกามีความก้าวร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ หวังได้รับชัยชนะกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัยในศึกเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน
อีกหนึ่งบ่อเกิดแห่งความตึงเครียดก็คือไต้หวัน ด้วยจีนยกระดับความเคลื่อนไหวด้านการทหารรอบๆเกาะประชาธิปไตยที่ทางจีนอ้างว่าเป็นดินแดนอำนาจอธิปไตยของพวกเขา โดยส่งฝูงบินรบและเรือรบทำการซ้อมรบใกล้ๆไต้หวัน
รายงานของเพนตากอน บนพื้นฐานของข้อมูลข่าวสารปี 2019 ระบุว่ากองทัพจีนยังคงเดินหน้าเสริมความพร้อมของพวกเขาเอง เพื่อขัดขวางการประกาศเอกราชของไต้หวัน และจะทำการรุกรานถ้ามีความจำเป็น