เอพี – ทรัมป์ส่งจดหมายส่วนตัวถึงคิม หวังรักษาความสัมพันธ์ที่ดีและเสนอความร่วมมือในการต่อสู้การระบาดของไวรัสโคโรนา น้องสาวผู้นำคิมเผยว่า ประมุขเปียงยางซาบซึ้งกับจดหมายของทรัมป์ กระนั้น ยังไม่ควรด่วนสรุปหรือมองแง่ดีเกี่ยวกับแนวโน้มความสัมพันธ์ทวิภาคีหรือการเจรจาระหว่างผู้นำทั้งสองชาติ
การติดต่อล่าสุดเกิดขึ้นขณะที่คิม จอง-อึล ผู้นำเกาหลีเหนือ เดินทางไปสังเกตการณ์การทดสอบอาวุธนำวิถีในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เกาหลีใต้ออกมาวิจารณ์ด้วยความไม่พอใจ ขณะที่การเจรจาเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ยังหยุดชะงัก
ในคำแถลงที่สำนักข่าวโคเรียน เซ็นทรัล นิวส์ของทางการเปียงยางนำมาเผยแพร่ คิม โย-จอง น้องสาวของคิมและเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสของพรรครัฐบาล ได้ยกย่องประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา ที่ส่งจดหมายถึงเกาหลีเหนือในช่วงเวลาที่ “ปัญหาและความท้าทายใหญ่หลวงขัดขวางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ”
เธอยังบอกว่า ทรัมป์อธิบายในจดหมายเกี่ยวกับแผนการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกัน และเสนอความร่วมมือในการต่อสู้กับโรคระบาด และเสริมว่า ผู้นำคิมซาบซึ้งกับจดหมายของทรัมป์
อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือย้ำมาตลอดว่า ไม่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติบางคนยังสงสัยคำกล่าวอ้างนั้น และว่า หากมีการระบาดในเกาหลีเหนือจะก่อให้เกิดหายนะด้านมนุษยธรรม เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานการแพทย์ที่ด้อยประสิทธิภาพของประเทศนี้
ในเดือนที่แล้ว กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่ไวรัสโควิด-19 จะระบาดในเกาหลีเหนือ และกล่าวว่า อเมริกาพร้อมสนับสนุนความพยายามขององค์กรบรรเทาทุกข์เพื่อควบคุมการระบาดในดินแดนโสมแดง
คิม โย-จองยังบอกอีกว่า จดหมายของทรัมป์เป็นตัวอย่างที่ดีที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวอันพิเศษและมั่นคงระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือและอเมริกา แต่สำทับว่า ยังไม่ควรด่วนสรุปหรือมองแง่ดีเกี่ยวกับแนวโน้มความสัมพันธ์ทวิภาคีหรือการเจรจาระหว่างผู้นำทั้งสองชาติ
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เคยอวยพรวันเกิดคิม ที่เชื่อกันว่า อายุครบ 36 ปีเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา
ในตอนนั้น คิม คเย-กวาน เจ้าหน้าที่อาวุโสของเกาหลีเหนือ กล่าวว่า คำอวยพรดังกล่าวไม่สามารถนำเกาหลีเหนือกลับสู่โต๊ะเจรจา เว้นแต่ว่า วอชิงตันจะยอมตามข้อเรียกร้องของเปียงยาง
คิมและทรัมป์เคยประชุมสุดยอดกัน 3 ครั้ง และแลกเปลี่ยนจดหมายและผู้แทนการเจรจามาหลายหนนับจากปี 2018 ที่ทั้งสองฝ่ายเริ่มต้นการหารือเกี่ยวกับอนาคตของคลังแสงนิวเคลียร์ขั้นสูงของคิม โดยทั้งคู่หลีกเลี่ยงการใช้ภาษารุนแรงตอบโต้กัน และครั้งหนึ่งทรัมป์ถึงกับกล่าวว่า ตนและคิม “ตกหลุมรักกัน”
แนวทางการทูตของทั้งคู่สะดุดนับจากการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 ที่เวียดนามในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 ล่ม เมื่อทรัมป์ปฏิเสธข้อเรียกร้องของคิมให้ผ่อนคลายมาตรการแซงก์ชันอย่างกว้างขวางแลกกับขั้นตอนการปลดอาวุธนิวเคลียร์บางส่วน
อย่างไรก็ตาม คิมยกย่องทรัมป์ที่ยื่นข้อเสนอใหม่ๆ เพื่อฟื้นการเจรจาเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ต่อมา ผู้นำเปียงยางประกาศเดินหน้ากลยุทธ์การป้องปรามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ด้วยการเปิดตัว “อาวุธเชิงกลยุทธ์ใหม่” พร้อมเตือนว่า จะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงพักการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์อีกต่อไป
ไม่กี่สัปดาห์มานี้ เกาหลีเหนือทดสอบยิงปืนใหญ่และจรวดหลายครั้ง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า เป็นความพยายามปรับปรุงแสนยานุภาพทางทหาร อาวุธเหล่านั้นเป็นอาวุธพิสัยใกล้ทั้งหมดและไม่ได้เป็นภัยคุกคามโดยตรงต่ออเมริกา แต่การฟื้นการทดสอบขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์พิสัยไกลอาจทำลายแนวทางทางการทูตกับทรัมป์
เคซีเอ็นเอรายงานว่า คิมร่วมชมการทดสอบอาวุธนำวิถีกับน้องสาวและเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ เมื่อวันเสาร์ ขณะที่กองทัพเกาหลีใต้วิจารณ์ว่า การทดสอบดังกล่าว “ไม่เหมาะสมอย่างมาก” ในสถานการณ์ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับโรคระบาดใหญ่
กองทัพเกาหลีใต้ระบุเมื่อวันเสาร์ว่า ตรวจพบขีปนาวุธพิสัยใกล้ยิงจากทางตะวันตกของเกาหลีเหนือไปตกนอกชายฝั่งทางตะวันออก คิดเป็นระยะทาง 410 กิโลเมตร