xs
xsm
sm
md
lg

สนง.อาหารและยามะกันแบะท่า ยอมตามแรงบีบ‘ทรัมป์’ เร่งอนุญาตให้ใช้‘วัคซีน’ก่อนการทดลองในคนเสร็จสิ้น

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แผ่นป้ายติดอยู่หน้าโรงเรียนเวสต์ เจฟเฟอร์สัน ไฮสคูล ในเมืองฮาร์วีย์ รัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา อธิบายข้อปฏิบัติต่างๆ เพื่อป้องกันการติดต่อของไวรัสโคโรนา ให้แก่พวกนักเรียนที่เพิ่งกลับมาเรียนกันใหม่ ภายหลังปิดไปตามมาตรการคุมเข้มสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19
ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐฯ พุ่งเฉียด 6 ล้านคนในวันอาทิตย์ (30 ส.ค.) โดยหลายรัฐในแถบมิดเวสต์มีจำนวนผู้ป่วยพุ่งสูงขึ้น และยังพบการระบาดของโควิด-19 ตามโรงเรียนและมหาวิทยาลัยอีกหลายแห่ง ขณะที่ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานอาหารและยา ทำท่าโอนอ่อนตามแรงบีบของทรัมป์ อาจเร่งอนุญาตให้ใช้ ‘วัคซีน’ ก่อนการทดลองในมนุษย์จะเสร็จสิ้น

จากฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์เมื่อเวลา 20.00 น.วันจันทร์ (31 ส.ค.) ตามเวลาในประเทศไทย ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ อยู่ที่ 5,997,737 ราย เสียชีวิต 183,068 ราย โดยยังคงรั้งอันดับที่ 1 ของโลกทั้งในแง่ของจำนวนผู้ป่วยสะสมและผู้เสียชีวิต ตามมาด้วยบราซิลและอินเดียซึ่งมียอดผู้ติดเชื้อ 3.86 และ 3.62 ล้านรายตามลำดับ

รัฐในแถบมิดเวสต์อย่าง ไอโอวา, นอร์ทดาโกตา, เซาท์ดาโกตา และมินนิโซตา มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันทุบสถิติใหม่ ขณะที่มอนทานาและไอดาโฮก็มีผู้ป่วยโควิด-19 ที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์

แม้ยอดผู้ติดเชื้อใหม่, ผู้เสียชีวิต, การเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และอัตราการตรวจเชื้อเป็นบวกเริ่มมีแนวโน้มลดลงในระดับประเทศ ทว่าภูมิภาคมิดเวสต์ดูเหมือนจะกลายเป็นจุดร้อนแห่งใหม่ของโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกา

ผู้ติดเชื้อใหม่จำนวนมากในรัฐไอโอวาอาศัยอยู่ในเทศมณฑลซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยไอโอวา และมหาวิทยาลัยแห่งรัฐไอโอวา ที่เริ่มกลับมาเปิดการเรียนการสอนในชั้นเรียนอีกครั้ง ในขณะที่มหาวิทยาลัยหลายแห่งทั่วสหรัฐฯ ก็พบการระบาดของโควิด-19 หลังจากที่ให้นักเรียนกลับมาเรียน และสุดท้ายบางสถาบันต้องกลับไปเรียนออนไลน์ใหม่

แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ประกาศวันอาทิตย์ (30) ว่าจะมีการส่งหน่วย SWAT เข้าไปยังมหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ก (SUNY) ที่โอนีออนตา เพื่อช่วยยับยั้งการระบาดของโควิด-19 ขณะที่คลาสเรียนฤดูใบไม้ร่วงที่เริ่มเมื่อสัปดาห์ที่แล้วถูกสั่งระงับเป็นเวลา 2 สัปดาห์ หลังจากมีนักศึกษาติดโควิดมากกว่า 100 คน หรือคิดเป็น 3% ของนักศึกษาและบุคลากรทั้งหมดของมหาวิทยาลัย

ขณะเดียวกัน สำนักงานสาธารณสุขแห่งรัฐเซาท์ดาโกตา ยืนยันว่ามีผู้ติดเชื้อ 88 รายที่เชื่อมโยงกับการจัดกิจกรรมรวมพลสิงห์มอเตอร์ไซค์ที่เมืองสเตอร์กิส ระหว่างวันที่ 7-16 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้คนจากทั่วสหรัฐฯ เข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 365,000 คน

แม้จะเผชิญโรคระบาดมานานกว่า 8 เดือน ทว่าสหรัฐฯ ก็ยังคงประสบปัญหาขลุกขลักในเรื่องของการตรวจหาเชื้อ โดยจำนวนผู้ที่เข้ารับการตรวจเริ่มลดลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจำนวนมากและอย่างน้อย 33 รัฐในอเมริกาปฏิเสธคำแนะนำเรื่องการตรวจโควิด-19 ที่ออกโดยศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งระบุว่าผู้ที่เคยสัมผัสใกล้ชิดกับบุคคลที่เป็นโควิด-19 “ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจ หากไม่แสดงอาการป่วย”

การที่ซีดีซีเปลี่ยนแปลงคำแนะนำแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้ ทำให้มีเสียงวิจารณ์กันมากว่า หน่วยงานนี้ถูกบีบคั้นจากคณะบริหารทรัมป์ ซึ่งเชื่อว่าจำนวนเคสในสหรัฐฯสูงลิ่ว เพราะมีการตรวจมากกว่าประเทศอื่นๆ ดังนั้นจึงต้องการให้ลดการตรวจทดสอบลง

ขณะที่บุคลากรด้านสาธารณสุขส่วนใหญ่กลับเชื่อว่าสหรัฐฯ จำเป็นต้องตรวจเชื้อให้ได้มากที่สุดเพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการแต่ยังสามารถแพร่โรคได้ ซึ่งถือเป็นวิธีชะลอการแพร่กระจายของโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพที่สุด

ในอีกด้านหนึ่ง สตีเฟน ฮาห์น ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) ได้เสนอไอเดียความเป็นไปได้ ในบทสัมภาษณ์ซึ่งตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ว่า วัคซีนที่จะนำมาใช้ป้องกันไวรัสโคโรนาในอนาคตนั้น อาจจะได้รับการอนุมัติฉุกเฉินก่อนสิ้นสุดช่วงเวลาการทดลองขั้นสุดท้าย ซึ่งกำหนดขึ้นมาเพื่อรับประกันความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

แต่ฮาห์นยืนยันในการให้สัมภาษณ์ “ไฟแนนเชียลไทมส์” คราวนี้ว่า เขาไม่ได้กำลังทำเรื่องนี้เนื่องจากถูกกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ซึ่งกำลังผลักดันอย่างหนักให้มีวัคซีนออกมา แถมยังกำลังพูดว่าวัคซีนตัวหนึ่งอาจจะพร้อมใช้งานก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้

ทั้งนี้ นอกจากซีดีซีแล้ว ฮาห์นและเอฟดีเอ ก็กำลังถูกประชาคมทางการแพทย์ในสหรัฐฯวิพากษ์วิจารณ์หนักขึ้นเรื่อยๆ ว่า ยอมอ่อนข้อให้แก่แรงกัดดันทางการเมืองจากคณะบริหารทรัมป์ โดยที่สำคัญเกี่ยวกับกับเหตุการณ์ 2 กรณีเมื่อเร็วๆ นี้

กล่าวคือ เมื่อเดือนมีนาคม เอฟดีเอยินยอมอนุมัติฉุกเฉินให้ใช้ยา ไฮดร็อกซีโคลโรควิน ในการรักษาโควิด-19 ได้ หลังจากทรัมป์พูดชมเชยยาที่เดิมทีใช้รักษาโรคมาลาเรียตัวนี้ ซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่แล้วพอถึงเดือนมิถุนยายน เอฟดีเอก็ต้องถอนการอนุมัตินี้ ภายหลังปรากฏว่าผลข้างเคียงร้ายแรงขึ้นในคนไข้หลายราย

ต่อมาเมื่อไม่นานมานี้เอง ฮาห์นได้กล่าวประเมินผลอย่างดีเกินจริงไปมาก ระหว่างการแถลงข่าวซึ่งทรัมป์ปรากฏตัวอยู่ด้วย เกี่ยวกับประสิทธิภาพในการใช้พลาสมาของผู้ป่วยที่หายจากโควิด-19 มาใช้รักษาไวรัสร้ายนี้ โดยเขากล่าวว่ามันอาจจะรักษาชีวิตผู้ป่วย 35 จาก 100 คน ทว่าพวกผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า แม้ยังต้องรอผลการศึกษาอย่างละเอียดมากขึ้นอีก แต่ตัวเลขที่มีความเป็นไปได้มากกว่าคือ 5 จาก 100

(ที่มา: รอยเตอร์/เอเอฟพี/เอเจนซีส์)

(ภาพจากแฟ้ม) น.พ.สตีเฟน ฮาห์น ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) ขณะแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อเดือนเมษายน 2020
กำลังโหลดความคิดเห็น