รอยเตอร์ – ทรัมป์และสมาชิกพรรครีพับลิกันเปิดการประชุมใหญ่เมื่อวันจันทร์ (24 ส.ค.) ด้วยการวาดภาพอเมริกาที่น่าสยดสยองถ้าไบเดนได้ครองทำเนียบขาวในศึกเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน นำประเทศเข้าสู่ยุคสังคมนิยมสุดขั้วและความวุ่นวาย
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มจุดประเด็นตั้งแต่กล่าวต้อนรับตัวแทนผู้ลงคะแนนในเมืองชาร์ลอตต์ รัฐนอร์ธแคโรไลนา หลังได้รับเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคอย่างเป็นทางการเพื่อลงเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกสมัย ด้วยการกล่าวโจมตีโดยไม่มีหลักฐานว่า พรรคเดโมแครตกำลังพยายามปล้นการเลือกตั้ง
แม้ชาวพรรครีพับลิกันประกาศว่า จะปราศรัยด้วยข้อความแง่บวกที่เป็นแรงบันดาลใจซึ่งต่างจากสิ่งที่พวกเขาโจมตีงานประชุมใหญ่พรรคเดโมแครตเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า อบอวลด้วยความมืดมน แต่กลับกลายเป็นว่า แค่คืนแรกของงานประชุมก็เต็มไปด้วยการคาดเดาสถานการณ์เลวร้ายถ้า โจ ไบเดน เป็นฝ่ายชนะ
คิมเบอร์ลี กิลฟอยล์ ที่ปรึกษาแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ และแฟนสาวของโดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของประธานาธิบดี โจมตีว่า เดโมแครตจ้องทำลายประเทศและทุกสิ่งที่รีพับลิกันปกป้องเชิดชู รวมทั้งต้องการขโมยเสรีภาพของประชาชน
การประชุมใหญ่นาน 4 วันถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญสำหรับทรัมป์ วัย 74 ปี ที่มีคะแนนตามหลังไบเดน วัย 77 ปี ในการสำรวจความคิดเห็นของหลายสำนักระหว่างวิกฤตโรคระบาดที่ทำให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตกว่า 176,000 คน และคนตกงานนับล้าน
ด้านเดโมแครตเองก็ละเลงภาพลบของช่วงเวลา 4 ปีข้างหน้า ถ้าทรัมป์ชนะอีกสมัยในการประชุมใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเช่นเดียวกัน
การประชุมใหญ่ของรีพับลิกันเป็นการประชุมเสมือนเป็นส่วนใหญ่เช่นเดียวกับเดโมแครต แม้ทรัมป์พยายามผลักดันให้มีการจัดกิจกรรมขนาดใหญ่ท่ามกลางผู้สนับสนุนนับพันคน
ผู้นำสหรัฐฯ มุ่งเน้นการรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อยในการรับมือการประท้วงที่เกิดขึ้นทั่วประเทศภายหลังเหตุการณ์ที่ตำรวจสังหารจอร์จ ฟลอยด์ ชายหนุ่มผิวดำในเมืองมินนิอาโปลิส นอกจากนั้น
ทรัมป์ยังผลักดันให้โรงเรียนและสถานประกอบธุรกิจต่างๆ เปิดดำเนินการอีกครั้งแม้ไวรัสโคโรนายังคงระบาดหนักก็ตาม
ทั้งสองจุดยืนนี้สะท้อนความพยายามของทีมหาเสียงของทรัมป์ที่ต้องการชิงประชาชนในแถบชานเมือง โดยเฉพาะผู้หญิงที่ทิ้งรีพับลิกันระหว่างที่ทรัมป์บริหารประเทศกลับคืนมา
ทรัมป์ จูเนียร์ โจมตีการประท้วงที่ยังเกิดขึ้นต่อเนื่องว่า เป็นการโจมตีธุรกิจขนาดเล็กโดยกลุ่มอนาธิปไตย และว่า เดโมแครตไม่สามารถทำให้ย่านที่อยู่อาศัยปลอดภัยได้
การสร้างภาพสังคมที่น่าหวาดกลัวตอกย้ำคำปราศรัยในพิธีสาบานตัวเข้ารับตำแหน่งในปี 2017 ที่ทรัมป์ประกาศจะทำให้อาชญากรรมโหดเหี้ยม ความยากจน และภาวะขาลงในอุตสาหกรรมการผลิตจบสิ้นลง ซึ่งต้องรอดูกันต่อไปว่า ประชาชนจะได้ยินถ้อยแถลงเร้าใจแบบนี้อีกหรือไม่ถ้าทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัย
เคต เบดิงฟิลด์ ผู้จัดการแคมเปญหาเสียงของไบเดน ตอบโต้ว่า การประชุมคืนแรกของรีพับลิกันมีแต่ถ้อยคำก้าวร้าวสร้างความแตกแยกและปลุกปั่นให้เกิดความกลัวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากข้อเท็จจริงที่ว่า ทรัมป์ไม่สามารถรับรองและยืนยันกับคนอเมริกันว่า เหตุใดเขาจึงต้องได้รับเลือกตั้งอีกสมัย
คืนแรกของการประชุมยังมีการเปิดเผยสิ่งที่จะเป็นสาระหลักของการประชุมตลอดสัปดาห์นี้คือ การโจมตีว่า อดีตประธานาธิบดีไบเดน และวุฒิสมาชิกคามาลา แฮร์ริส คู่หูชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี จะเป็นเพียงหุ่นเชิดของนักเคลื่อนไหวฝ่ายซ้ายสุดโต่ง
ผู้ปราศรัยหลายคนกล่าวหาไบเดน ซึ่งเป็นนักการเมืองสายกลาง ต้องการตัดงบประมาณตำรวจและห้ามการขุดเจาะน้ำมันแบบที่มีการเจาะชั้นหินด้วยแรงดันน้ำ ซึ่งเจ้าตัวปฏิเสธทั้งสองประเด็น
นิกกี้ เฮลี อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติในยุคทรัมป์ ซึ่งมีเชื้อสายอินเดียน-อเมริกัน ไม่เชื่อว่า ไบเดนและเดโมแครตจะดูแลผลประโยชน์ของชนกลุ่มน้อยในสังคมได้ดีกว่า เพราะดูเหมือนกลายเป็นแฟชั่นไปแล้วที่สมาชิกพรรคนี้จะท่องคำว่า อเมริกาเหยียดเชื้อชาติ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
นอกจากนั้นในช่วงเช้าวันจันทร์ ทรัมป์ยังยืนยันว่า การเลือกตั้งทางไปรษณีย์ที่คาดว่า จะแพร่หลายมากขึ้นในช่วงโรคระบาด จะนำไปสู่การโกงการเลือกตั้งในวงกว้าง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญการรักษาความปลอดภัยการเลือกตั้งอิสระหลายคนบอกว่า การโกงเลือกตั้งเกิดขึ้นน้อยมากในอเมริกา
ทรัมป์ยังกล่าวหาซ้ำว่า รัฐต่างๆ ซึ่งมีนัยถึงรัฐที่บริหารโดยเดโมแครต พยายามใช้มาตรการล็อกดาวน์และคำแนะนำต่างๆ ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อสกัดโรคระบาด เป็นเครื่องมือในการโน้มน้าวการลงคะแนนของประชาชนในเดือนพฤศจิกายน