xs
xsm
sm
md
lg

โควิดคร่าชีวิตทั่วโลกทะลุ 8 แสนคน เคสใหม่เกาหลีใต้ทุบสถิติ 24 ชม.เฉียด 400

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้คนพักผ่อนด้วยการพายเรือในสวนสาธารณะเรติโร  กรุงมาดริด ประเทศสเปน เมื่อวันอาทิตย์ (23 ส.ค.) ขณะที่ เฟร์นันโด ซิมอน ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดระดับท็อปของสเปนเตือนว่า สถานการณ์ไม่สู้ดี เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มมากขึ้นอีก
เอเจนซีส์ – เกาหลีใต้ยกระดับมาตรการสกัดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่เกือบ 400 คน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกทะลุ 800,000 คน และจำนวนผู้ติดเชื้อในยุโรปตะวันตกพุ่งขึ้นรอบใหม่กระตุ้นความหวั่นวิตกเกี่ยวกับการระบาดรอบสอง

จำนวนผู้ติดเชื้อโรคติดต่อโควิด-19 ทั่วโลกที่มีการรายงานเมื่อวันอาทิตย์ (23 ส.ค.) เพิ่มขึ้นเกินกว่า 23 ล้านคนแล้ว โดยที่บางประเทศยังติดอยู่ในการระบาดรอบแรก อาทิ อินเดียที่มีผู้ติดเชื้อพุ่งทะลุ 3 ล้านคน เฉพาะเคสใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงจนถึงเที่ยงคืนวันเสาร์ (22) เพิ่มขึ้น 69,239 คน และเสียชีวิต 912 คน เป็น 56,706 คน

เค. ศรีนาถ เรดดี้ จากเอ็นจีโอ พับลิก เฮลธ์ ฟาวน์เดชัน ออฟ อินเดีย ระบุว่า ไวรัสโคโรนากำลังระบาดไปทั่วแดนภารตะ ซึ่งเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อบรรเทาความกดดันต่อเศรษฐกิจ

สำหรับเกาหลีใต้ที่เบื้องต้นควบคุมการระบาดเอาไว้ได้เป็นส่วนใหญ่ เวลานี้กลับต้องงัดมาตรการจำกัดเข้มงวดมาบังคับใช้อีกครั้ง หลังพบการระบาดแบบกลุ่มก้อนในหลายจุด โดยเฉพาะที่กรุงโซล

เมื่อวันอาทิตย์ ศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี (เคซีดีซี) รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่รอบ 24 ชั่วโมงที่สิ้นสุดเที่ยงคืนวันเสาร์ เป็นจำนวน 397 คน สูงสุดนับจากต้นเดือนมีนาคม และเทียบกับ 332 คนในวันก่อนหน้า นอกจากนั้นยังเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราเลข 3 หลักต่อเนื่องกว่าสัปดาห์ ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วประเทศเพิ่มเป็น 17,399 คน และเสียชีวิต 309 คน

จุง อึน-คยอง ผู้อำนวยการเคซีดีซี เตือนว่า สถานการณ์เลวร้ายมากและอาจลุกลามกลายเป็นการระบาดทั่วประเทศ

ทางการได้สั่งปิดไนต์คลับ บาร์คาราโอเกะ และชายหาดตั้งแต่วันอาทิตย์ รวมถึงจำกัดการทำกิจกรรมที่มีการรวมคนกลุ่มใหญ่ๆ และการทำพิธีทางศาสนา หลังพบผู้ติดเชื้อหลายร้อยคนเชื่อมโยงกับโบสถ์คริสต์โปรแตสแตนต์แห่งหนึ่งในกรุงโซล ซึ่งดำเนินการโดยศาสนาจารย์ที่เป็นแกนนำการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาล

นอกจากนั้นประชาชนในกรุงโซลยังได้รับคำสั่งให้สวมหน้ากากในที่สาธารณะนับจากเที่ยงคืนวันอาทิตย์เป็นต้นไป

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (22) เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เปรียบเทียบวิกฤตการณ์โควิด-19 คราวนี้ กับวิกฤตการณ์ไข้หวัดใหญ่ปี 1918 หรือที่เรียกกันว่า ไข้หวัดใหญ่สเปน ที่มีผู้เสียชีวิตถึง 50 ล้านคน และเกิดการระบาดเป็นระยะเวลาราว 2 ปี โดยเขากล่าวว่า ถึงแม้โลกทุกวันนี้มีข้อเสียจากโลกาภิวัตน์ การเชื่อมต่อกัน และความใกล้ชิดกัน แต่ก็มีข้อได้เปรียบในแง่เทคโนโลยี จึงคาดหวังว่า การระบาดของไวรัสโคโรนาจะควบคุมได้ภายในไม่เกิน 2 ปี

อย่างไรก็ดี WHO แนะนำว่า เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปควรสวมหน้ากากเช่นเดียวกับผู้ใหญ่เพื่อช่วยหยุดยั้งการระบาด

ทั้งนี้ มาตรการล็อกดาวน์ การเว้นระยะห่างทางสังคม และการสวมหน้ากาก กลายเป็นมาตรการที่เห็นกันว่าใช้ควบคุมการแพร่ระบาดได้ ขณะที่ยังไม่มีวิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพหรือวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาตัวนี้

นอกเหนือจากชาติเอเชียอย่างเกาหลีใต้แล้ว ยุโรปตะวันตกก็เป็นภูมิภาคที่ทำท่าจะเกิดการระบาดรอบสอง

อิตาลีที่เคยเป็นศูนย์กลางการระบาดในยุโรปนั้น ได้พบผู้ติดเชื้อใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงจนถึงเที่ยงคืนวันเสาร์ เป็นจำนวนกว่า 1,000 คน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดนับจากผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในเดือนพฤษภาคม

สถานการณ์ทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นในสเปน เยอรมนี และฝรั่งเศส ด้วย

โรมยังรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงสุดเนื่องจากประชาชนที่กลับจากท่องเที่ยวพักผ่อนช่วงฤดูร้อน โดยที่ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาวที่ไม่ได้มีการแสดงอาการ

ส่วนที่เยอรมนี มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้จัดคอนเสิร์ตภายใต้เงื่อนไขในการป้องกันไวรัส โดยหวังว่า กลุ่มตัวอย่าง 2,000 คนที่เข้าร่วมการทดลองนี้จะบอกได้ว่า สามารถกลับมาจัดกิจกรรมขนาดใหญ่อย่างปลอดภัยได้แล้วหรือไม่

ทั้งนี้มาตรการล็อกดาวน์และเว้นระยะห่างทางสังคม แม้เห็นกันว่าช่วยสกัดการระบาดได้ แต่ก็ได้สร้างความเสียหายยับเยินต่อเศรษฐกิจ และยังกระทบต่อกิจกรรมทางสังคมทุกประเภท ซึ่งรวมถึงการแข่งขันกีฬาและการจัดคอนเสิร์ต

สำหรับภูมิภาคอื่นๆ ละตินอเมริกากำลังเป็นภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดและไม่สามารถรองรับต้นทุนการควบคุมการระบาด ซึ่งไม่เพียงทำให้ประชาชนจนลงเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองและปัญหาอาชญากรรมชุกชุมขึ้น

ขณะที่สหรัฐฯเป็นประเทศซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุด ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อเกือบ 5.7 ล้านคน และเสียชีวิตเกือบ 180,000 คน

การหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมีขึ้นต้นเดือนพฤศจิกายนปกคลุมด้วยประเด็นการจัดการโควิด-19 ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า รับมือวิกฤตผิดพลาด และมีคะแนนตามหลังโจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต

ผู้คนบางตาในย่านใจกลางเมืองเบอร์มิงแฮม ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ (23 ส.ค.) หลังจากเมืองนี้ถูกใส่เข้าไปในบัญชีรายชื่อเฝ้าจับตามองไวรัสโคโรนา โดยหากจำนวนผุ้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นอีก ก็ท้องถิ่นก็อาจประกาศใช้มาตรการจำกัดเข้มงวดต่างๆ ทำนองล็อกดาวน์ครั้งใหม่
กำลังโหลดความคิดเห็น