เอเจนซีส์ – เกาหลีใต้ยกระดับมาตรการสกัดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่เกือบ 400 คน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกทะลุ 800,000 คน และจำนวนผู้ติดเชื้อในยุโรปตะวันตกพุ่งขึ้นรอบใหม่กระตุ้นความหวั่นวิตกเกี่ยวกับการระบาดรอบสอง
จำนวนผู้ติดเชื้อโรคติดต่อโควิด-19 ทั่วโลกที่มีการรายงานเมื่อวันอาทิตย์ (23 ส.ค.) เพิ่มขึ้นเกินกว่า 23 ล้านคนแล้ว โดยที่บางประเทศยังติดอยู่ในการระบาดรอบแรก อาทิ อินเดียที่มีผู้ติดเชื้อพุ่งทะลุ 3 ล้านคน เฉพาะเคสใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงจนถึงเที่ยงคืนวันเสาร์ (22) เพิ่มขึ้น 69,239 คน และเสียชีวิต 912 คน เป็น 56,706 คน
เค. ศรีนาถ เรดดี้ จากเอ็นจีโอ พับลิก เฮลธ์ ฟาวน์เดชัน ออฟ อินเดีย ระบุว่า ไวรัสโคโรนากำลังระบาดไปทั่วแดนภารตะ ซึ่งเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อบรรเทาความกดดันต่อเศรษฐกิจ
สำหรับเกาหลีใต้ที่เบื้องต้นควบคุมการระบาดเอาไว้ได้เป็นส่วนใหญ่ เวลานี้กลับต้องงัดมาตรการจำกัดเข้มงวดมาบังคับใช้อีกครั้ง หลังพบการระบาดแบบกลุ่มก้อนในหลายจุด โดยเฉพาะที่กรุงโซล
เมื่อวันอาทิตย์ ศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี (เคซีดีซี) รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่รอบ 24 ชั่วโมงที่สิ้นสุดเที่ยงคืนวันเสาร์ เป็นจำนวน 397 คน สูงสุดนับจากต้นเดือนมีนาคม และเทียบกับ 332 คนในวันก่อนหน้า นอกจากนั้นยังเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราเลข 3 หลักต่อเนื่องกว่าสัปดาห์ ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วประเทศเพิ่มเป็น 17,399 คน และเสียชีวิต 309 คน
จุง อึน-คยอง ผู้อำนวยการเคซีดีซี เตือนว่า สถานการณ์เลวร้ายมากและอาจลุกลามกลายเป็นการระบาดทั่วประเทศ
ทางการได้สั่งปิดไนต์คลับ บาร์คาราโอเกะ และชายหาดตั้งแต่วันอาทิตย์ รวมถึงจำกัดการทำกิจกรรมที่มีการรวมคนกลุ่มใหญ่ๆ และการทำพิธีทางศาสนา หลังพบผู้ติดเชื้อหลายร้อยคนเชื่อมโยงกับโบสถ์คริสต์โปรแตสแตนต์แห่งหนึ่งในกรุงโซล ซึ่งดำเนินการโดยศาสนาจารย์ที่เป็นแกนนำการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาล
นอกจากนั้นประชาชนในกรุงโซลยังได้รับคำสั่งให้สวมหน้ากากในที่สาธารณะนับจากเที่ยงคืนวันอาทิตย์เป็นต้นไป
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (22) เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เปรียบเทียบวิกฤตการณ์โควิด-19 คราวนี้ กับวิกฤตการณ์ไข้หวัดใหญ่ปี 1918 หรือที่เรียกกันว่า ไข้หวัดใหญ่สเปน ที่มีผู้เสียชีวิตถึง 50 ล้านคน และเกิดการระบาดเป็นระยะเวลาราว 2 ปี โดยเขากล่าวว่า ถึงแม้โลกทุกวันนี้มีข้อเสียจากโลกาภิวัตน์ การเชื่อมต่อกัน และความใกล้ชิดกัน แต่ก็มีข้อได้เปรียบในแง่เทคโนโลยี จึงคาดหวังว่า การระบาดของไวรัสโคโรนาจะควบคุมได้ภายในไม่เกิน 2 ปี
อย่างไรก็ดี WHO แนะนำว่า เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปควรสวมหน้ากากเช่นเดียวกับผู้ใหญ่เพื่อช่วยหยุดยั้งการระบาด
ทั้งนี้ มาตรการล็อกดาวน์ การเว้นระยะห่างทางสังคม และการสวมหน้ากาก กลายเป็นมาตรการที่เห็นกันว่าใช้ควบคุมการแพร่ระบาดได้ ขณะที่ยังไม่มีวิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพหรือวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาตัวนี้
นอกเหนือจากชาติเอเชียอย่างเกาหลีใต้แล้ว ยุโรปตะวันตกก็เป็นภูมิภาคที่ทำท่าจะเกิดการระบาดรอบสอง
อิตาลีที่เคยเป็นศูนย์กลางการระบาดในยุโรปนั้น ได้พบผู้ติดเชื้อใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงจนถึงเที่ยงคืนวันเสาร์ เป็นจำนวนกว่า 1,000 คน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดนับจากผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในเดือนพฤษภาคม
สถานการณ์ทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นในสเปน เยอรมนี และฝรั่งเศส ด้วย
โรมยังรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงสุดเนื่องจากประชาชนที่กลับจากท่องเที่ยวพักผ่อนช่วงฤดูร้อน โดยที่ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาวที่ไม่ได้มีการแสดงอาการ
ส่วนที่เยอรมนี มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้จัดคอนเสิร์ตภายใต้เงื่อนไขในการป้องกันไวรัส โดยหวังว่า กลุ่มตัวอย่าง 2,000 คนที่เข้าร่วมการทดลองนี้จะบอกได้ว่า สามารถกลับมาจัดกิจกรรมขนาดใหญ่อย่างปลอดภัยได้แล้วหรือไม่
ทั้งนี้มาตรการล็อกดาวน์และเว้นระยะห่างทางสังคม แม้เห็นกันว่าช่วยสกัดการระบาดได้ แต่ก็ได้สร้างความเสียหายยับเยินต่อเศรษฐกิจ และยังกระทบต่อกิจกรรมทางสังคมทุกประเภท ซึ่งรวมถึงการแข่งขันกีฬาและการจัดคอนเสิร์ต
สำหรับภูมิภาคอื่นๆ ละตินอเมริกากำลังเป็นภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดและไม่สามารถรองรับต้นทุนการควบคุมการระบาด ซึ่งไม่เพียงทำให้ประชาชนจนลงเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองและปัญหาอาชญากรรมชุกชุมขึ้น
ขณะที่สหรัฐฯเป็นประเทศซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุด ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อเกือบ 5.7 ล้านคน และเสียชีวิตเกือบ 180,000 คน
การหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมีขึ้นต้นเดือนพฤศจิกายนปกคลุมด้วยประเด็นการจัดการโควิด-19 ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า รับมือวิกฤตผิดพลาด และมีคะแนนตามหลังโจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต