เอเจนซีส์ – เกาหลีใต้ผวาเจอระบาดแบบกลุ่มก้อนครั้งใหม่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ จากบรรดาสมาชิกของโบสถ์คริสต์แห่งหนึ่งในกรุงโซล ขณะเดียวกัน ที่อินเดียยอดผู้เสียชีวิตทะลุ 50,000 คน สูงสุดอันดับ 4 ของโลก ส่วนทางด้านนิวซีแลนด์ตัดสินใจเลื่อนการเลือกตั้งทั่วไปออกไปเป็นกลางเดือนตุลาคม เพื่อรอให้สถานการณ์การระบาดดีขึ้น
ในวันจันทร์ (17 ส.ค.) เกาหลีใต้ หนึ่งในประเทศที่ช่วงก่อนหน้านี้สามารถควบคุมการระบาดของโรคติดต่อโควิด-19 ได้เป็นส่วนใหญ่แล้ว ออกมาเตือนว่า อาจเกิดการระบาดรุนแรงรอบใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระบาดแบบกลุ่มก้อนหลายๆ กลุ่มที่ต่างเชื่อมโยงกับโบสถ์คริสต์โปรแตสแตนต์ที่มีชื่อว่า ซารังเจอิล ซึ่งอยู่ในกรุงโซล หลังจากที่ได้พบสมาชิกของโบสถ์แห่งนี้กว่า 300 คนติดเชื้อแล้ว และสมาชิกอีกหลายร้อยคนยังไม่ยอมรับการตรวจหาเชื้อ
ศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคแห่งเกาหลี (เคซีดีซี) รายงานในวันจันทร์ (17) ว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่จนถึงเที่ยงคืนวันเสาร์ (15) 197 คน ส่วนใหญ่อยู่ในโซล นับเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันที่มีเคสใหม่เพิ่มขึ้นในอัตราเลขสามหลัก และทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 15,515 คน และเสียชีวิต 305 คน
จอง อุน-คยอง ผู้อำนวยการเคซีดีซี เตือนว่า สถานการณ์ปัจจุบันเป็นขั้นตอนแรกที่จะนำไปสู่การระบาดขนาดใหญ่หากไม่สามารถควบคุมการระบาดได้แต่เนิ่นๆ ซึ่งจะส่งผลให้ระบบรักษาพยาบาลล่มและเศรษฐกิจเสียหายรุนแรง
เช่นเดียวกับการติดต่อแพร่เชื้อแบบกลุ่มก้อนครั้งใหญ่ในโบสถ์คริสต์โปรแตสแตนต์ที่มีชื่อว่า ชินเชือนจี เชิร์ช ออฟ เจซัส ในเมืองแดจู ทางภาคใต้ของประเทศเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ถือกันว่าเป็นจุดสำคัญทำให้เกิดการระบาดอย่างใหญ่โตเป็นรอบแรกในแดนโสมขาว ในครั้งนี้พวกเจ้าหน้าที่ก็ต้องเผชิญปัญหาการไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจหาเชื้อ รวมทั้งปัญหาในการติดตามสมาชิกโบสถ์กว่า 600 คนที่จำเป็นต้องกักตัว เนื่องจากโบสถ์ซารังเจอิลให้ข้อมูลรายชื่อสมาชิก 4,000 คนไม่ถูกต้อง ขณะที่ผลการตรวจพบสมาชิกโบสถ์แห่งนี้ติดเชื้อเกือบ 320 คน รวมถึงจุน ควางฮุน ศาสนาจารย์ของโบสถ์แห่งนี้ ทั้งนี้ จุนเป็นผู้มีความคิดสายอนุรักษนิยมที่ต่อต้านรัฐบาลและกำลังรณรงค์เรียกร้องให้ประธานาธิบดีมุน แจอิน ซึ่งเป็นฝ่ายซ้าย ลาออกจากตำแหน่ง
กระทรวงสาธารณสุขได้ร้องเรียนจุนในข้อหาละเมิดกฎการกักตัวและขัดขวางความพยายามในการควบคุมการระบาดด้วยการจัดการชุมนุมต่อต้านคำสั่งซึ่งให้สมาชิกโบสถ์กักตัวและรับการตรวจหาเชื้อ รวมทั้งไม่จัดส่งรายชื่อสมาชิกทั้งหมดให้ทางการ และล่าสุดได้เรียกร้องให้สมาชิกหลายพันคนของโบสถ์แห่งนี้ ดำเนินการกักกันตนเอง
สำหรับที่นิวซีแลนด์ นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ออกมาประกาศเลื่อนการเลือกตั้งทั่วไปออกไปเป็นวันที่ 17 ตุลาคม หลังพบผู้ติดเชื้อในเมืองโอกแลนด์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และทำให้สถิติการไม่พบการระบาดภายในประเทศสิ้นสุดลงที่ตัวเลข 102 วัน
อาร์เดิร์นระบุว่า การกลับมาของไวรัสโคโรนาที่ทำให้ต้องล็อกดาวน์เมืองใหญ่ที่สุดในประเทศแห่งนี้ อาจทำให้ประชาชนบางส่วนกังวลและไม่ต้องการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งตามกำหนดเดิมในเดือนหน้า
ทางด้านรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดของออสเตรเลีย ได้สั่งห้ามเด็กเล่นขลุ่ย “รีคอร์เดอร์” และร้องเพลงประสานเสียงเพื่อป้องกันการระบาด หลังพบการติดเชื้อในโรงเรียนหลายแห่งของเมืองซิดนีย์ นอกจากนั้นออสเตรเลียยังสั่งปิดสถานเต้นรำเพื่อควบคุมการติดเชื้อภายในประเทศครั้งใหม่
จากสถิติที่รวบรวมกันไว้ ขณะนี้ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกกว่า 21.5 ล้านคน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มเป็นกว่า 766,000 ล้านคน
ที่อินเดีย ตัวเลขผู้เสียชีวิตได้พุ่งทะลุ 50,000 คนในวันจันทร์
สูงสุดอันดับ 4 ของโลก รองจากอเมริกา บราซิล และเม็กซิโก
ขณะที่มีผู้ติดเชื้อเกิน 2.6 ล้านคน หลังพบเคสใหม่ในรอบ 24
ชั่วโมงที่ผ่านมาถึง 57,982 คน
ทำให้แดนภารตะเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้ออันดับ 3 ของโลก
รองจากอเมริกาและบราซิล
ส่วนที่อเมริกา ซึ่งเหลือเวลาไม่ถึง 3
เดือนจะถึงกำหนดการเลือกตั้งประธานาธิบดี
จำนวนผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นจนรวมเป็นกว่า 5.4 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิต
170,000 คน
รวมทั้งทำให้พรรคเดโมแครตต้องเปลี่ยนมาจัดการประชุมใหญ่ระดับชาติของตนซึ่งมีกำหนด
4 วันในสัปดาห์นี้ ในแบบเสมือนจริง
โดยโฟกัสของการประชุมนี้จะอยู่ที่การประกาศรับรองให้ โจ ไบเดน
เป็นผู้สมัครของพรรคอย่างเป็นทางการ
ระหว่างการประชุมตั้งแต่วันจันทร์
(17) จนถึงวันพฤหัสบดี ยังจะมีผู้นำสำคัญหลายๆ
คนของพรรคขึ้นเวทีปราศรัยสนับสนุนไบเดน ในการเอาชนะประธานาธิบดีโดนัลด์
ทรัมป์ ที่ถูกโจมตีอย่างกว้างขวางว่า รับมือวิกฤตโรคระบาดอย่างผิดพลาด
ทางด้านยุโรป ซึ่งกำลังมีกระแสความวิตกเกี่ยวกับการระบาดรอบสอง
ภายหลังมีการผ่อนปรนมาตรการคุมเข้มไปแล้ว ปรากฏว่า
รัฐบาลอิตาลีได้ตัดสินใจสั่งปิดสถานดิสโก และไนต์คลับสถานที่เต้นรำต่างๆ
เป็นเวลานาน 3 สัปดาห์
หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ซึ่งส่วนหนึ่งคือหนุ่มสาวที่ชอบสังสรรค์
นอกจากนั้นอิตาลียังบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากในที่สาธารณะระหว่างเวลา
18.00-6.00 น.