(เก็บความจากเอเชียไทมส์ WWW.asiatimes.com)
US ban on WeChat may hit Apple hardest
by Frank Chen
09/08/2020
คนจีนเป็นล้าน ๆ อาจจะพากันเลิกใช้ไอโฟนกันไปเลย ถ้าคำสั่งฝ่ายบริหารที่ทรัมป์ประกาศออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หมายความว่าต่อจากนี้โทรศัพท์มือถือของบริษัทแอปเปิลจะถูกห้ามไม่ให้ติดตั้งแอป “วีแชท”
แอปเปิล และบริษัทอเมริกันรายอื่นๆ อาจจะกลายเป็นพวกที่โดนลูกหลงได้รับความเสียหายหนักหน่วงที่สุด ถ้าหากวอชิงตันผลักดันเดินหน้าข้อเสนอของตนที่จะสั่งแบนการใช้ “วีแชท” (WeChat) แอปชั้นนำของจีนซึ่งมีทั้งฟังก์ชั่นด้านการสร้างเครือข่ายชุมชนออนไลน์, การชำระเงินผ่านมือถือ, และอย่างอื่นๆ อีกสารพัดสารพันรวมเอาไว้ด้วยกัน
ในการสำรวจความคิดเห็นอย่างไม่เป็นทางการครั้งหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งดำเนินการโดย แอปย่อยด้านการสำรวจความคิดเห็นสาธารณชนบนวีแชท และมีผู้ตอบคำถาม 100,000 ราย แสดงให้เห็นว่า มีถึง 96% ทีเดียวที่บอกว่า จะไม่ใช้ ไอโฟน ของแอปเปิล หรืออุปกรณ์สหรัฐฯอย่างอื่นๆ ถ้าหากสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์เหล่านี้ไม่ได้ติดตั้งแอป วีแชท ที่บนแผ่นดินใหญ่ถือกันว่าเป็นแอปในระดับที่จำเป็นต้องมีจำเป็นต้องใช้ ดังนั้นเรื่องนี้จึงยังอาจส่งผลทำให้ฐานะของหัวเว่ยในตลาดสมาร์ตโฟนท้องถิ่นของแดนมังกรยิ่งมั่นคงแข็งแกร่งขึ้นไปใหญ่
ผลโพลที่ออกมาเช่นนี้ ย่อมถือเป็นลางร้ายอันน่าเสียวสยองสำหรับพวกยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีและด้านสินค้าผู้บริโภคของโลกตะวันตก ซึ่งดูจะอยู่ในอาการไม่ทันระวังตั้งตัว เมื่อตอนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารในสัปดาห์ที่แล้ว สั่งห้ามบริษัทอเมริกันทั้งหลายติดต่อทำธุรกิจกับ เทนเซนต์ (Tencent) ที่เป็นบริษัทแม่ของวีแชท
คำสั่งฉบับนี้มีระยะเวลาผ่อนผัน 45 วันเริ่มตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม เนื่องจากในสหรัฐฯนั้น ผู้คนส่วนใหญ่ล้นหลามต่างก็ใช้พวก เฟซบุ๊ก, ว็อตสแอปป์, หรือ อินสตาแกรม ด้วยเหตุนี้ ข้อห้ามที่ทำให้สามารถใช้ วีแชท ได้น้อยลง จึงส่งผลกระทบต่อยูสเซอร์ในสหรัฐฯน้อยกว่าในประเทศจีนนักหนา
เวลานี้ยังไม่ทราบเนื้อหารายละเอียดแท้จริงของคำสั่งห้ามดังกล่าวนี้ ทว่าต่อให้เป็นฉากทัศน์ภาพสมมุติสถานการณ์แบบเลวร้ายที่สุด มันก็แทบจะแตะต้องอะไรเทนเซนต์ไม่ได้อยู่ดี ขณะมีความเป็นไปได้ที่ทั้ง แอปเปิล, กูเกิล, ไมโครซอฟท์, เดลล์, เอชพี, และบริษัทอเมริกันตลอดจนบริษัทชาติตะวันตกอื่นๆ จะถูกบีบบังคับให้จัดการนำเอาฮาร์ดแวร์และระบบปฏิบัติการของพวกตนหย่าขาดจาก วีแชท
เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งฉบับนี้ ซึ่งลงนามโดยทรัมป์ด้วยเหตุผลข้ออ้างทางด้านความมั่นคงแห่งชาติ แอปเปิล และ กูเกิล อาจจะต้องพากันออฟโหลดแอปตัวนี้ออกจากร้านแอปสโตร์ของพวกเขาในส่วนที่เปิดให้ยูสเซอร์ทั้งในจีนและในอเมริกา
โดยที่เวลานี้ ประชากรชาวเน็ตจีนซึ่งรู้สึกโกรธกริ้วกันมากก็กำลังส่งเสียงเรียกร้องให้ทำการตอบโต้แก้แค้นกันเรียบร้อยแล้ว ตัวอย่างเช่น มีการรณรงค์ให้เทนเซนต์ปฏิเสธไม่ยอมให้พวกบริษัทผู้ผลิตไอโฟนและอุปกรณ์อื่นๆ เข้าถึง วีแชท เพื่อทำให้ผู้คนในจีนรู้สึกเซ็งไม่อยากจะซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านี้ และสร้างความเจ็บปวดให้กิจการอเมริกันซึ่งต้องพึ่งพาตลาดจีนสำหรับส่วนแบ่งยอดขายและผลกำไรของพวกตนในอัตราส่วนก้อนโตมหึมาทีเดียว
ตัวอย่างเช่น ภูมิภาคจีนและปริมณฑล (Greater China Region) ซึ่งครอบคลุมถึงฮ่องกงและไต้หวันด้วยนั้น เป็นพื้นที่สร้างรายได้ประมาณ 20% ของบริษัทผู้ผลิตไอโฟน ถ้าปักกิ่งส่งสัญญาณว่ามีความตั้งใจที่จะตอบโต้แก้เผ็ดแล้ว เทนเซนต์ก็น่าที่จะกระทำตามอย่างแฮปปี้ และจัดการบล็อกไอโฟน โดยที่ความเคลื่อนไหวใดๆ ในทำนองนี้ไม่น่าที่จะส่งผลกระทบกระเทือนอะไรต่อยูสเซอร์ซึ่งจงรักภักดีต่อวีแชท --แอปที่ร้านค้าจีนจำนวนมากมายใช้เป็นทั้งที่เก็บรายละเอียดลูกค้าและสินค้า, กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์, และการติดต่อต่างๆ ของพวกตน
ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ที่มุ่งเล่นงานวีแชท ผสมผสานกับการแก้เผ็ดใดๆ ที่ปักกิ่งอาจกำลังพิจารณากันอยู่ น่าที่จะเป็นเหมือนกับห่วงชูชีพที่โยนไปให้แก่แผนกธุรกิจเพื่อผู้บริโภคซึ่งกำลังประสบความลำบากของหัวเว่ย เมื่อพวกยูสเซอร์ชาวจีนที่ใช้ทั้งสมาร์ตโฟนและวีแชท จะพากันทอดทิ้งไอโฟนของพวกเขา และซื้อหาสินค้าของหัวเว่ยกันมากขึ้น เพียงเพื่อรักษาช่องทางการเข้าถึงวีแชท เอาไว้
หลี่ เฉิงตง (Li Chengdong) นักวิเคราะห์หุ้นบริษัทเทค ของ ไช่น่า อินเตอร์เนชั่นแล แคปิตอล คอร์ป ลิมิเต็ด ให้ความเห็นว่า ทรัมป์และเหล่าผู้ช่วยของเขาน่าจะไม่มีความเข้าใจในพวกโมเดลธุรกิจชนิดที่บริษัทอเมริกันชั้นนำบางแห่งกำลังใช้ในการประกอบกิจการในประเทศจีน ตลอดจนเรื่องที่บริษัทเหล่านี้ต้องลงทุนลงแรงขนาดไหนเพื่อให้สามารถผูกอยู่กับวีแชท จะได้ช่วยดึงดูดลูกค้าและดันยอดขายให้สูงขึ้น
เป็นเวลาหลายปีทีเดียวที่บรรดาบริษัทอเมริกัน ไล่เรียงตั้งแต่พวกกิจการจัดเลี้ยงไปจนถึงกิจการผลิตรถ ได้พากันเปิดบล็อกและมินิโปรแกรมอย่างเป็นทางการบนวีแชท เพื่อใช้ประโยชน์จากการที่แอปนี้สามารถเข้าถึงสอดแทรกสู่แทบทุกๆ มิติแห่งชีวิตของประชาชนในจีน
ตัวอย่างเช่น ปีที่แล้ว วอลมาร์ต ไชน่า ได้แถลงยกย่องการที่บริษัทสามารถบูรณาการเข้ากับ วีแชท ได้อย่างลึกซึ้ง เพื่อการส่งเสริมสนับสนุนธุรกิจและอำนวยความสะดวกให้แก่การช็อปปิ้งผ่านมือถือ โดยบริษัทเปิดเผยว่า ธุรกรรมและออร์เดอร์ต่างๆ ที่ผ่านมาทางยูสเซอร์วีแชทนั้น มีจำนวนคิดเป็นเกือบๆ หนึ่งในสามของยอดขายทั้งหมดของตนในประเทศจีนทีเดียว
ห้างวอลมาร์ตจำนวนมากในจีนเวลานี้ยอมรับการชำระเงินด้วย วีแชท เพย์ (WeChat Pay) เพียงระบบเดียวเท่านั้น เพื่อให้การเช็กเอาต์กระทำได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเหลือเคาน์เตอร์แค่ 1-2 เคาน์เตอร์ที่ยังมีคนประจำอยู่และยอมรับชำระเงินด้วยเงินสด แต่ทั้งหมดเหล่านี้อาจจะต้องรูดม่านปิดฉากลง ถ้าวอลมาร์ตจำเป็นต้องตัดความผูกพันที่มีอยู่กับเทนเซนต์ ภายใต้คำสั่งห้ามที่ครอบคลุมกว้างขวางทว่าใช้ภาษาถ้อยคำกำกวมของทรัมป์
หวัง ซินรุ่ย (Wang Xinrui) ที่ปรึกษาอาวุโสด้านการปฏิบัติตามข้อกำหนด (senior compliance consultant) ของ อันลี่ พาร์ตเนอร์ส (Anli Partners) สำนักงานกฎหมายซึ่งตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่ง บอกว่า หนทางหนึ่งซึ่งสามารถหลบเลี่ยงคำสั่งแบนที่กำลังถูกบังคับใช้ฉบับนี้ก็คือ พวกบริษัทอเมริกันต้องจัดตั้งกิจการในเครือหรือใช้กิจการในเครือซึ่งตั้งอยู่นอกสหรัฐฯมารักษาความเป็นหุ้นส่วนที่มีอยู่กับวีแชทเอาไว้ ถึงแม้แอปนี้ต้องถูกพวกเครือข่ายดิจิตอลสหรัฐฯกำจัดออกไปก็ตามที
มีผู้สังเกตการณ์คนอื่นๆ ที่ชี้ว่า เนื่องจากคำสั่งห้ามนี้มีเนื้อหาที่คลุมเครือ จึงหมายความว่าพวกบริษัทอเมริกันยังคงต้องก้าวเดินไปอย่างระมัดระวัง หลี่ ซูกวง (Li Shuguang) คอลัมนิสต์ด้านเทคที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เขียนบน “ซื่อเจี้ย” (Shijie) เว็บไซต์ด้านเทคว่า ทรัมป์และรัฐบาลสหรัฐฯสามารถที่จะใช้วิธีเปลี่ยนเงื่อนไขกฎเกณฑ์อย่างไม่เป็นธรรมไปเรื่อยๆ ได้เสมอ และตีความว่าการแบนคราวนี้มุ่งที่จะทำให้เทนเซนต์กลายเป็นอาชญากร ตลอดจนป้องกันไม่ให้บริษัทอเมริกันใดๆ ทำงานร่วมกับยักษ์ใหญ่จีนรายนี้
“สหรัฐฯกำลังจัดตั้งม่านเหล็กทางด้านเทคขึ้นมา และบังคับให้พวกบริษัทของสหรัฐฯตลอดจนบุคคลและนิติบุคคลนานาชาติอื่นๆ ต้องตัดสินใจเลือกข้าง สิ่งที่ย้อนแย้งก็คือ เทนเซนต์เองจะรู้สึกถึงผลกระทบจากการกระทำนี้น้อยนิดที่สุด ขณะที่พวกคนจีนพลัดถิ่นในสหรัฐฯซึ่งกำลังพึ่งพาวีแชท เพื่อให้ยังคงติดต่อเชื่อมโยงกับบ้านเกิด และพวกบริษัทอเมริกันที่กำลังอาศัยวีแชทเพื่อทำธุรกิจในจีน จะกลายเป็นพวกที่ถูกเล่นงานหนักหน่วงที่สุด” หลี่ เขียนเอาไว้เช่นนี้
หลี่บอกด้วยว่า ในสหรัฐฯมียูสเซอร์วีแชทอยู่ประมาณ 3 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นคนจีนซึ่งพำนักอยู่ที่นั่น
ทางด้านบริษัทในเครือของเทนเซนต์ที่สหรัฐฯ ซึ่งตั้งสำนักงานอยู่ที่เมืองพาโล อัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย แถลงว่าเร็วๆ นี้จะดำเนินการทางกฎหมายเพื่อชะลอการบังคับใช้คำสั่งห้ามฉบับนี้ ขณะที่พวกนักล็อบบี้ในวอชิงตันของเหล่าบริษัทอเมริกันก็น่าที่จะออกมาเรียกร้องผลักดันให้บริษัทเหล่านี้ยังคงสามารถทำงานกับเทนเซนต์ได้ต่อไป