xs
xsm
sm
md
lg

คอลัมน์นอกหน้าต่าง: ‘สหรัฐฯ’หนุนหลัง‘ไต้หวัน’ด้วยการส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดไปเยือน แต่ก็ยังคงดินหน้าเรื่องนี้‘อย่างระมัดระวัง’

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 อเล็กซ์ อาซาร์ รัฐมนตรีสาธารณสุขและบริการด้านมนุษย์ของสหรัฐฯ (ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อ 31 ก.ค. 2020)
ด้วยความกระตือรือร้นที่จะหาเหตุระรานเล่นงานจีน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จึงกำลังเพิ่มระดับความสนับสนุนที่ให้แก่ไต้หวัน
แต่กระนั้นการส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่สุดให้เดินทางไปเยือนเกาะแห่งนั้น ก็ยังคงกระทำด้วยอาการระมัดระวังอยู่มาก
เพราะตระหนักกันดีว่านี่เป็นเรื่องซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็นปัญหาที่สามารถระเบิดลุกลามขยายตัวได้อย่างง่ายดาย


รัฐมนตรีสาธารณสุขและบริการด้านมนุษย์ของสหรัฐฯ
อเล็กซ์ อาซาร์ กำลังมุ่งหน้าไปยังไต้หวันเพื่อยกย่องเชิดชูความสำเร็จอันน่าตื่นเต้นในการรับมือกับโควิด-19
ของเกาะแห่งนี้ ขณะที่ทรัมป์ ซึ่งกำลังประสบความยากลำบากที่จะทำให้ตนเองได้รับเลือกตั้งอีกสมัย จากการที่จำนวนผู้เสียชีวิตด้วยโรคระบาดนี้ในอเมริกายังคงไต่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ
ก็พยายามโจมตีตราหน้าจีนว่าคือผู้ร้ายของเชื้อโรคมรณะตัวนี้

สถาบันอเมริกัน (American Institute)
ในไต้หวัน ซึ่งทำหน้าที่เป็นสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำไทเปในทางพฤตินัย เน้นย้ำว่า
อาซาร์จะเป็นเจ้าหน้าที่สหรัฐฯระดับสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาซึ่งเดินทางไปเยือน
นับตั้งแต่ที่สหรัฐฯตัดความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับสาธารณรัฐจีนบนเกาะไต้หวัน
และหันไปรับรองสาธารณรัฐประชาชนจีนในกรุงปักกิ่งเมื่อปี 1979

ทว่ารัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ พอมเพโอ ผู้เป็นพวกสายเหยี่ยวซึ่งแทบไม่ยอมพลาดโอกาสในการโจมตีประณามจีน
หรือในการสรรเสริญทรัมป์ว่าเป็นประธานาธิบดีผู้แข็งกร้าวกับปักกิ่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา กลับใช้ท่าทีสุขุมรอบคอบอย่างผิดแผกไปจากบุคลิกลักษณะของเขา
เมื่อถูกถามถึงทริปของอาซาร์ ซึ่งถูกฝ่ายปักกิ่งประณามโจมตีไปเรียบร้อยแล้ว

“เคยมีสมาชิกในคณะรัฐมนตรี (ของสหรัฐฯ)
เดินทางไปไต้หวันก่อนหน้านี้แล้ว นี่ (การไปเยือนของอาซาร์) เป็นสิ่งที่สอดคล้องต้องกันกับนโยบายของช่วงก่อนๆ
ที่ผ่านมา” พอมเพโอบอกกับพวกผู้สื่อข่าว

“เขาจะไปที่นั่นและหารือกับพวกเขาในประเด็นต่างๆ
ทางด้านสาธารณสุข” รวมทั้งเรื่องการจัดทำวัคซีน
พอมเพโอกล่าว

พวกผู้เชี่ยวชาญมองว่า แม้กระทั่งคณะบริหารทรัมป์ก็กำลังมีความตระหนักถึงความเสี่ยงภัยอันหนักแน่นจริงจังที่อาจเกิดขึ้นมาได้
ถ้าหากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนเกิดบานปลายขยายตัวสืบเนื่องจากเรื่องไต้หวัน
หนึ่งในประเด็นอันอ่อนไหวที่สุดสำหรับคณะผู้นำคอมมิวนิสต์ในปักกิ่ง

จีนนั้นถือว่าไต้หวัน ซึ่งพวกพรรคก๊กมิ่นตั๋ง
(พรรคชาตินิยม) หลบหนีไปยึดเป็นที่มั่นภายหลังพ่ายแพ้พรรคคอมมิวนิสต์ในการสู้รบช่วงชิงแผ่นดินใหญ่จีนเมื่อปี
1949 เป็นมณฑลหนึ่งที่กำลังรอคอยการหวนกลับมารวมเป็นส่วนหนึ่งของประเทศชาติ
โดยที่ปักกิ่งพร้อมจะใช้กำลังในเรื่องนี้ถ้าหากจำเป็น

ดักลาส พัล ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าสถาบันอเมริกันในไต้หวันช่วงที่
จอร์จ ดับเบิลยู บุช เป็นประธานาธิบดี ให้ความเห็นว่า คณะบริหารทรัมป์ยังคงแสดงออกถึงการยอมรับที่จะไม่ก้าวข้าม
“เส้นสีแดง” ของจีน –นั่นคือ
ยังคงไม่มีเจ้าหน้าที่สหรัฐฯผู้ดูแลรับผิดชอบเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ เดินทางไปเยือนไต้หวัน

พัลชี้ว่า ในอดีตนั้น ตลอดช่วงทศวรรษ 1990
สหรัฐฯกํได้ส่งเจ้าหน้าที่ด้านการค้าไปไต้หวันอยู่เป็นประจำ

เขาบอกว่า ความผิดแผกออกไปสำหรับคราวนี้ก็คือ บริบทของมัน
–จากการที่อาซาร์เดินทางไปในจังหวะเวลาที่ความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งกำลังตกลงมาสู่จุดต่ำสุดจุดใหม่

“การส่งเขาไปยังไต้หวันเป็นการแสดงออกถึงการยอมรับกรอบกติกาอย่างเก่า
แต่เวลาเดียวกันก็ยังคงเป็นยั่วยุจีนไปด้วย”

“ข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาไม่ได้เลือกที่จะส่งที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ
หรือคนอื่นๆ ในทำนองนี้ เดินทางไป บ่งชี้ให้เห็นว่าพวกเขากำลังพยายามที่จะเฉียดเข้าไปใกล้เส้นสีแดงของจีนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ไม่ได้ต้องการที่จะข้ามเส้น”

ถึงแม้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 บนเกาะแห่งนี้จะหดหายไปแล้ว แต่ผู้คนที่เดินทางด้วยขบวนรถไฟฟ้าในนครไทเปของไต้หวัน ยังคงการ์ดไม่ตก โดยพากันสวมใส่หน้ากากป้องกันกันอยู่ (ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อ 30 ก.ค. 2020
หันสู่นโยบายแข็งกร้าว

เวลานี้คณะบริหารทรัมป์ได้หันมาใช้นโยบายสายเหยี่ยวมุ่งโจมตีเล่นงานจีนอย่างแข็งกร้าวมากขึ้นทุกที โดยที่ตัวพอมเพโอถึงกับพูดในระหว่างกล่าวปราศรัยเมื่อเร็วๆ
นี้ว่า นโยบายมุ่งมีปฏิสัมพันธ์กับปักกิ่งซึ่งวอชิงตันใช้มา 4 ทศวรรษนั้น
ประสบความล้มเหลว

ไม่กี่วันที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหารให้จำกัดควบคุมการใช้แอปยอดนิยมของจีนดังเช่น
ติ๊กต็อก และ วีแชท ในสหรัฐฯอย่างครอบคลุมกว้างขวาง นอกจากนั้นแล้วกระทรวงการคลังสหรัฐฯยังประกาศลงโทษคว่ำบาตรคณะผู้นำของฮ่องกง
รวมไปถึง แคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดของเขตบริหารพิเศษของจีนแห่งนั้น โดยอ้างเรื่องที่ปักกิ่งออกกฎหมายความมั่นคงเพื่อใช้ในฮ่องกง
ซึ่งมุ่งปราบปรามพวกที่ไม่เห็นด้วยตลอดจนพวกเผยแพร่ความคิดในการแยกดินแดน

พัลบอกว่า
มีความเป็นไปได้ที่พวกสายเหยี่ยวในคณะบริหารทรัมป์จะผลักดันให้ใช้ปฏิบัติการกับจีนที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้นกว่านี้เสียอีก
ก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง 3 พฤศจิกายน ในเมื่อทรัมป์ยังคงตามหลัง โจ ไบเดน คู่แข่งขันจากพรรคเดโมแครต
ในผลสำรวจความเห็นของสำนักต่างๆ

“ผมอ่านได้อย่างชัดเจนมากเลยว่า ฝ่ายจีนก็มองเห็นความเป็นไปได้ของเรื่องเช่นนี้
และพวกเขาจึงกำลังพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกลากเข้าไปอยู่ในทริปนี้กับเขาด้วย”
เขากล่าว

ไต้หวันในระยะหลังๆ
มานี้ประสบความสำเร็จในการสร้างแรงสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากทั้ง 2
พรรคใหญ่ในวอชิงตัน ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน
ไม่เพียงได้รับยกย่องจากการตอบโต้รับมืออย่างเด็ดเดี่ยวกับไวรัสโคโรนาของเธอเท่านั้น แต่ในหมู่พวกสมาชิกรัฐสภาพรรคเดโมแครต
เธอยังได้รับคำชมเชยจากทัศนะต่างๆ อันก้าวหน้าของเธอ รวมทั้งเรื่องการยอมรับสนับสนุนสิทธิชาวเกย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกผู้นำเอเชียน้อยนักที่จะเข้าร่วมขบวนด้วย

กฎหมายฉบับหนึ่งที่รัฐสภาสหรัฐฯผ่านออกมา กำหนดให้สหรัฐฯต้องขายอาวุธให้แก่ไต้หวัน
เพื่อรับประกันว่าเกาะแห่งนี้จะสามารถป้องกันตนเองจากปักกิ่งซึ่งมีกองทัพที่ใหญ่โตกว่ามากมายนัก

เมื่อปีที่แล้วคณะบริหารทรัมป์ได้อนุมัติข้อตกลงขายเครื่องบินขับไล่คิดเป็นมูลค่ารวม
8,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อแทนที่ฝูงบินเก่าซึ่งใช้งานมานานของไต้หวัน
นับเป็นดีลขายอาวุธใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของสหรัฐฯในรอบหลายๆ ปีทีเดียว

สหรัฐฯยังผลักดันอย่างก้าวร้าวมากขึ้นเช่นกันในการเรียกร้องให้ไต้หวันได้เข้าร่วมในพวกสถาบันระหว่างประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์การอนามัยโลก
ถึงแม้ยังไม่มีความคืบหน้าไปได้ถึงไหน เนื่องจากปักกิ่งขัดขวางคัดค้าน และอาจยินยอมผ่อนปรนก็ต่อเมื่อไต้หวันยอมเข้าร่วมด้วยฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของจีน

เกอร์ริต ฟาน เดอ วีส์ อดีตนักการทูตเนเธอร์แลนด์
ซึ่งเวลาสนอนวิชาประวัติศาสตร์ไต้หวันอยู่ที่มหาวิทยาลัยจอร์จเมสัน ในสหรัฐฯ บอกว่า
ในตอนแรกๆ ทรัมป์ดูเหมือนมีท่าทีลังเลใจ พยายามชะลอดีลการขายเครื่องบินนี้ ในขณะที่เขาหาทางทำข้อตกลงทางการค้าจีน แต่ในช่วงหลังๆ นี้ เขาดูจะเปลี่ยนความคิดแล้ว

เวลานี้ คณะบริหารทรัมป์ ดูจะมองเรื่องขายอาวุธนี้ว่าเป็นโอกาสสำหรับผลักดันขยายเพิ่มพูนความสนับสนุนให้แก่ไต้หวัน
ด้วยข้ออ้างอันสวยหรูซึ่งพวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯกำลังใช้โฆษณาป่าวร้องกันบ่อยๆ ในเวลานี้ว่า
...เพื่อสร้างระบอบประชาธิปไตยที่มีพลวัตขึ้นมาอีกหนึ่งระบอบ
และเพื่อสร้างพลังฝ่ายดีงามอีกหนึ่งพลังขึ้นมาในโลก

(เก็บความและปรับปรุงเพิ่มเติมจากเรื่องAs China tensions soar,
US embraces Taiwan with visit, but cautiouslyของสำนักข่าวเอเอฟพี)

กำลังโหลดความคิดเห็น