รอยเตอร์ - สหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตร นาง แคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง พร้อมอดีตผู้บัญชาการตำรวจ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีก 8 คน วานนี้ (7 ส.ค.) โดยอ้างถึงพฤติกรรมกดขี่และลิดรอนเสรีภาพทางการเมืองของประชาชนชาวฮ่องกง
มาตรการคว่ำบาตรนี้อยู่ภายใต้คำสั่งบริหารซึ่งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลงนามเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา เพื่อลงโทษจีน ซึ่งนำกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่มาใช้ปิดปากฝ่ายค้านในฮ่องกง และถือเป็นมาตรการตอบโต้ล่าสุดของรัฐบาล ทรัมป์ ซึ่งกำลังเร่งทำคะแนนในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.
นอกจาก ลัม แล้ว บทลงโทษของสหรัฐฯ ยังพุ่งเป้าไปที่สองอดีตผู้บัญชาการตำรวจฮ่องกงอย่าง คริส ถัง (Chris Tang) และ สตีเฟน หลอ (Stephen Lo), จอห์น ลี กาชิว (John Lee Ka-chiu) เลขาธิการฝ่ายความมั่นคง และ เทเรซา เฉิง (Teresa Cheng) รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมฮ่องกง
เจ้าหน้าที่อีก 6 คน ซึ่งถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรยังรวมถึง ลั่ว ฮุ่ยหนิง (Luo Huining) ผู้อำนวยการสำนักงานผู้ประสานงานจีนประจำฮ่องกง และ เซียะ เป่าหลง (Xia Baolong) ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊าในกรุงปักกิ่ง
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า กฎหมายความมั่นคง “สุดโหด” ที่จีนประกาศใช้ส่งผลให้อำนาจปกครองตนเองของฮ่องกงถูกบั่นทอน และยังกลายเป็น “เครื่องมือเซ็นเซอร์บุคคลหรือสื่อที่ไม่เป็นมิตรกับจีน”
“แคร์รี ลัม เป็นผู้บริหารสูงสุดที่มีส่วนรับผิดชอบโดยตรงกับการใช้นโยบายกดขี่เสรีภาพและปิดกั้นกระบวนการประชาธิปไตยโดยจีน” กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลง
ด้าน ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ออกมาชี้แจงว่า คำสั่งคว่ำบาตรของสหรัฐฯ “ถือเป็นคำเตือนอย่างชัดเจนว่าการกระทำของรัฐบาลฮ่องกงเป็นสิ่งที่รับไม่ได้” และยังขัดต่อสูตรการปกครอง “หนึ่งประเทศ-สองระบบ” ที่จีนได้ให้สัญญาไว้ด้วย
คำสั่งคว่ำบาตรจะมีผลทำให้ทรัพย์สินในสหรัฐฯ ของเจ้าหน้าที่ฮ่องกงกลุ่มนี้ถูกอายัด และยังห้ามพลเมืองอเมริกันทำธุรกิจกับบุคคลเหล่านี้
สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มทวีขึ้นเป็นรายวัน ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าเวลานี้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 มหาอำนาจเรียกได้ว่าตกต่ำที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
เมื่อวานนี้ (7) กระทรวงการต่างประเทศจีนได้แถลงคัดค้านคำสั่งบริหารของ ทรัมป์ ที่ห้ามบริษัทอเมริกันทำธุรกิจร่วมกับบริษัทจีนซึ่งเป็นเจ้าของแอปพลิเคชัน WeChat และ TikTok
ทรัมป์ ได้ตอบโต้กฎหมายความมั่นคงของจีนด้วยการสั่งถอดสถานะพิเศษของฮ่องกงตามกฎหมายสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ปักกิ่งโวยวายว่าอเมริกาใช้ “ตรรกะนักเลงและมีพฤติกรรมข่มเหงรังแกผู้อื่น”
แหล่งข่าวระบุว่า สหรัฐฯ หันมาพิจารณาใช้มาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงขึ้นหลังจากที่ ลัม สั่งเลื่อนการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติฮ่องกงซึ่งเดิมมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 6 ก.ย. ออกไปอีก 1 ปี โดยอ้างเรื่องสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งเป็นการตัดโอกาสของพรรคฝ่านค้านโปรประชาธิปไตยที่หวังจะคว้าที่นั่งในสภาได้เพิ่มขึ้น