เอเจนซีส์ - จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก ทะลุหลัก 18 ล้านคนแล้ว ขณะผู้นำเวียดนามประกาศว่าต้นเดือนสิงหาคมนี้ จะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญในการหยุดยั้งไม่ให้ไวรัสโคโรนาระบาดเป็นวงกว้าง ด้านฟิลิปปินส์ยอมตามเสียงเรียกร้องด้วยการล็อกดาวน์มะนิลา และอีก 4 จังหวัด สำหรับที่อเมริกาหัวหน้าทีมสู้ไวรัสทำเนียบขาว ชี้สถานการณ์การระบาดในสหรัฐฯข้าสู่เฟสใหม่ ซึ่งทั้งชนบทและในเมืองเสี่ยงพอกัน
ผ่านไป 6 เดือน หลังจากองค์การอนามัยโลก (ฮู) ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาล่าสุดในวันจันทร์ (3 ส.ค.) ทะลุ 18 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตกว่า 687,000 คน
ฮูยังเตือนอีกครั้งในวันจันทร์ ว่า การระบาดของโควิด-19 มีแนวโน้มยืดเยื้อและส่งผลยาวนานหลายทศวรรษ
เวลานี้หลายประเทศที่เคยควบคุมการระบาดเป็นส่วนใหญ่ ต่างกลับมาพบการระบาดแบบกลุ่มก้อนครั้งใหม่ บีบให้รัฐบาลต้องกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์กันอีกหน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ
รัฐวิกตอเรียของออสเตรเลีย บังคับใช้มาตรการจำกัดครั้งใหม่ในวันอาทิตย์ (2) ซึ่งรวมถึงคำสั่งเคอร์ฟิวในเมืองเมลเบิร์นนาน 6 สัปดาห์ ตลอดจนห้ามจัดงานแต่งงาน และสั่งให้โรงเรียนและมหาวิทยาลัยกลับไปใช้ระบบออนไลน์ในอีกไม่กี่วันจากนี้
การเพิ่มความเข้มงวดเช่นนี้ มีขึ้นหลังจากกลับมาล็อกดาวน์ใหม่ได้หลายวันแล้ว แต่เมลเบิร์นยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละหลายร้อยคน ขณะที่รัฐอื่นๆ ไม่พบเลยหรือพบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สำหรับที่เวียดนามซึ่งเคยได้รับการยกย่องในความสำเร็จของการควบคุมการระบาด ตอนนี้กลับต้องเผชิญการระบาดแบบกลุ่มก้อนหลายจุดที่เชื่อมโยงกับเมืองดานัง หลังจากไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศมานานกว่า 3 เดือน
ในวันจันทร์ สถานีเวียดนาม เทเลวิชัน (วีทีวี) ของทางการเวียดนาม รายงานว่า นายกรัฐมนตรี เหวียน ซวน ฟุก ประกาศว่า เวียดนามต้องระดมกำลังเต็มที่เพื่อจัดการกับศูนย์กลางการระบาดทั้งหมดซึ่งรับรู้กันแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองดานัง และว่า ต้นเดือนนี้จะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญในการหยุดยั้งไม่ให้ไวรัสโคโรนาระบาดเป็นวงกว้าง
เวียดนามที่มีประชากร 96 ล้านคน มีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันอย่างน้อย 621 คน และเสียชีวิต 6 คน
เจ้าหน้าที่เผยว่า ในวันจันทร์ พบผู้ติดเชื้อใหม่ 1 คน ที่เชื่อมโยงกับดานัง ซึ่งเริ่มล็อกดาวน์อีกครั้งตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
อย่างไรก็ดี ยังไม่สามารถระบุที่มาของการระบาดครั้งใหม่ที่ขณะนี้พบในอย่างน้อย 10 จุด รวมถึงกรุงฮานอย เมืองโฮจิมินห์ซิตี้ โดยทั้งหมดนี้มีผู้ติดเชื้อ 174 คน และเสียชีวิต 6 คน รัฐบาลยังแถลงว่า ผู้ติดเชื้อล่าสุดมีถึง 23% ที่ไม่แสดงอาการ
หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งรายงานว่า พบเคสใหม่ 4 คน ในนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งในดานัง ซึ่งว่าจ้างพนักงานรวม 77,000 คน
นอกจากดานังแล้ว เวียดนามยังสั่งล็อกดาวน์เมืองบวนมาถ็วด ซึ่งเป็นแหล่งปลูกกาแฟในที่ราบตอนกลางตั้งแต่วันจันทร์
ด้านฟิลิปปินส์ ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ประกาศเมื่อคืนวันอาทิตย์ ยอมตามเสียงเรียกร้องของกลุ่มแพทย์พยาบาลให้ล็อกดาวน์กรุงมะนิลา และ 4 จังหวัดที่ล้อมรอบ ครอบคลุมประชาชนกว่า 27 ล้านคน หรือ 1 ใน 4 ของประชาชนทั้งหมด โดยมีผลตั้งแต่วันอังคาร (4) เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์
คำสั่งนี้เท่ากับว่า ระบบขนส่งสาธารณะทั้งหมด รวมถึงเที่ยวบินภายในประเทศ จะยุติการให้บริการเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัส ขณะที่ประชาชนได้รับคำสั่งให้กักตัวอยู่บ้าน เว้นแต่ออกไปซื้อของใช้จำเป็น หรือออกกำลังกายกลางแจ้งเท่านั้น รวมทั้งจะอนุญาตให้ธุรกิจบางอย่างเปิดดำเนินการ และห้ามนั่งรับประทานในร้านอาหาร
นับจากต้นเดือนมิถุนายน ฟิลิปปินส์พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 5 เท่าตัว เป็นกว่า 10,000 คน เฉพาะวันอาทิตย์พบเคสใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 5,032 คน และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ คาดว่า สิ้นเดือนนี้จะมีผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 200,000 คน
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อถึงกว่า 5,000 คน ส่วนผู้เสียชีวิตทั้งหมดอยู่ที่กว่า 2,000 คน
ในส่วนของอเมริกา แพทย์หญิงเดเบอราห์ เบิร์กซ์ หัวหน้าทีมสู้ไวรัสของทำเนียบขาว เตือนว่า
สถานการณ์การระบาดของอเมริกากำลังเข้าสู่ขั้นตอนใหม่ที่มีการระบาดรุนแรงทั้งในชนบทและเมือง
พร้อมแนะนำให้ครอบครัวที่มีสมาชิกหลายรุ่นและอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาด
สวมหน้ากากขณะอยู่ในบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้สูงวัยติดเชื้อ
สอดคล้องกับ พลเรือเอก เบร็ตต์ จิรัวร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีสาธารณสุขและบริการมนุษย์
ที่เน้นย้ำความสำคัญในการสวมหน้ากากเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ข้อมูลล่าสุดระบุว่า อเมริกามีผู้ติดเชื้อกว่า 4.6 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 155,000 คน
ทางการสิงคโปร์เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า นับจากวันที่ 11 นี้จะเริ่มบังคับให้นักเดินทางที่มาจากบางประเทศ
โดยครอบคลุมทั้งพลเมืองสิงคโปร์และชาวต่างชาติ ต้องสวมอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้สัญญาณจีพีเอสและบลูทูธ
เพื่อให้แน่ใจว่า ปฏิบัติตามกฎการกักกันตัวเอง
ทั้งนี้ สิงคโปร์ที่มีแผนแจกดองเกิลติดตามไวรัสแบบสวมใส่ให้ประชาชนทั่วประเทศ
พร้อมกับมีมาตรการลงโทษขั้นเด็ดขาดสำหรับผู้ละเมิดการกักตัวและกฎการเว้นระยะห่างทางสังคม
คือ ปรับเป็นเงิน 7,272 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือจำคุกสูงสุด 6 เดือน
หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งยึดใบอนุญาตทำงานสำหรับแรงงานต่างชาติ