เอเอฟพี/เอพี/เอเจนซีส์ - โจ ไบเดน ว่าที่ผู้สมัครลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2020 จากพรรคเดโมแครตที่มีข่าวจะเปิดเผยชื่อคู่ชิงในสัปดาห์นี้ สื่อนอกรายงานโผตัวเต็งนอกเหนือจาก ส.ว. คามาลา แฮร์ริส ที่ตกเป็นข่าวฮือฮาล่าสุด พบมีชื่อ ส.ว.รัฐอิลลินอยส์ เชื้อสายไทย-สหรัฐฯ ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ ติดโผ ขณะที่ในวันศุกร์ (31 ก.ค.)บรรดาบาทหลวงผิวสีชื่อดังกว่า 60 คน ออกจดหมายเปิดผนึก เรียกร้องให้ไบเดนเลือกผู้หญิงผิวสีขึ้นเป็นคู่ชิงร่วมในตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ
เอเอฟพีรายงานวันนี้ (2 ส.ค.) ว่า ขณะที่ “โจ ไบเดน” ว่าที่ผู้ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2020 จากพรรคเดโมแครต เคยกล่าวในเดือนพฤษภาคม ว่า เขาจะประกาศชื่อผู้ลงชิงร่วมในฐานะรองประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2020 ราววันที่ 1 สิงหาคม และล่าสุด ในสัปดาห์นี้ ไบเดนได้แถลงกับนักข่าวว่า เขาจะทำการตัดสินใจในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม
และเป็นที่ฮือฮาไปทั่ว หลังนักข่าวเอพีได้รายงานในวันอังคาร (28 ก.ค.) ภาพการจดโน้ตของไบเดนที่มีชื่อ ส.ว.รัฐแคลิฟอร์เนีย คามาลา แฮร์รีส (Kamala Harris) พร้อมกับข้อความว่า “อย่าผูกใจเจ็บ” กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า บางทีเธออาจได้รับการเลือกเป็นคู่ชิงคนใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากแฮร์รีสที่ติดโผตัวเลือกรอบสุดท้าย ยังรวมไปถึงตัวเลือกนักการเมืองสหรัฐฯที่เป็นสตรีคนอื่นรวมอยู่ด้วย เป็นต้นว่า อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงสหรัฐฯ ซูซาน ไรซ์ (Susan Rice) คาเรน (Karen Bass) ส.ว.เอลิซาเบธ วอเรน และรวมไปถึง ส.ว.รัฐอิลลินอยส์ เชื้อไทย-สหรัฐฯ และอดีตทหารผ่านศึกสหรัฐฯสงครามอิรัก ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ (Tammy Duckworth) รวมอยู่ด้วย
เอเอฟพีชี้ว่า ดักเวิร์ธ ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับไบเดน เป็นนักการเมืองดาวรุ่งเดโมแครตที่ขึ้นชื่อในเรื่องช่วยเหลือทหารผ่านศึกสหรัฐฯ โดยตัวเธอเองขาขาดทั้ง 2 ข้าง หลังจากเครื่องชอปเปอร์ที่ขับถูกยิงตกสมัยสงครามอิรัก และหากเธอได้รับเลือกให้เป็นคู่ชิง จะกลายเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายไทยคนแรกที่จะอยู่ในศึกการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯครั้งแรกในประวัติศาสตร์
อ้างอิงจากบีบีซี สื่ออังกฤษ พบว่า ดักเวิร์ธ ในวัย 53 ปี เกิดที่กรุงเทพฯได้รับบาดเจ็บในสงครามอิรัก เธอเป็นเจ้าของเหรียญกล้าหาญพูเพิลฮาร์ทจากรัฐบาลสหรัฐฯ
ทั้งนี้ พบว่า ชื่อของดักเวิร์ธนั้น กลายเป็นขาประจำในการสนทนาระดับสูงเกี่ยวข้องกับรายชื่อตัวเต็งที่อาจขึ้นชิงคู่กับไบเดนเพื่อแข่งกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และยังกลายเป็นเป้าโจมตีของนักจัดรายการสถานีฟ็อกซ์ นิวส์ ทัคเกอร์ คาลสัน (Tucker Carlson) และนักจัดรายการสายคอนเซอร์เวตีฟคนอื่นๆ
ซึ่งเมื่อดักเวิร์ธออกมาแสดงความเห็นเมื่อไม่นานมานี้ ทางสถานีโทรทัศน์ CNN ว่า เธอมีความเห็นเปิดกว้างในแง่การเคลื่อนย้าย ประธานาธิบดี จอร์จ วอชิงตัน อนุสาวรีย์ของบิดาผู้ก่อตั้งประเทศอเมริกาที่ยังเป็นเจ้าของ ทาส คาลสัน ได้ตั้งคำถามถึงความรักชาติของเธอ
และ ดักเวิร์ธ ตอบกลับไป โดยท้าให้คาลสันเดินด้วยขาของเธอในระยะ 1 ไมล์ และถามเธอว่า เธอรักชาติหรือไม่
ซึ่งมีชาวเดโมแครตเป็นจำนวนมาก เชื่อว่า การที่ แทมมี ดักเวิร์ธ เคยร่วมทำงานให้กองทัพสหรัฐฯผ่านสมรภูมิรบ และเป็นทหารผ่านศึก รวมไปถึงการเคยสู้อย่างเผ็ดร้อนกับการเมืองสายคอนเซอร์เวตีฟสหรัฐฯ และการที่เป็นคนอเมริกันเชื้อสายเอเชียจะช่วยในการเลือกตั้งได้ สื่ออังกฤษรายงาน
และหากดักเวิร์ธได้รับเลือกเธอจะมีส่วนช่วยไบเดนกวาดเสียงกลุ่มอดีตทหารผ่านศึก ชนกลุ่มน้อยในสหรัฐฯ และสตรีได้สำเร็จ
แฟรงก์ ดักเวิร์ธ (FrankDuckworth) บิดาของดักเวิร์ธ เป็นอดีตทหารสหรัฐฯ ทำงานให้กับองค์การสหประชาชาติ และมารดา “ละไม” เป็นคนไทย ดักเวิร์ธ เกิดที่ไทยและสามารถพูดภาษาไทยได้ และอาศัยอยู่กับพ่อแม่ในหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ กัมพูชา และ อินโดนีเซีย เนื่องจากบิดาที่ทำงานให้กับองค์การสหประชาชาติในเวลานั้น
โดยเธอและครอบครัวได้อาศัยอยู่ในกรุงพนมเปญ ระหว่างกลางยุค 70 โดยเธอได้กล่าวถึงความทรงจำระหว่างที่เดินทางไปตลาดกับแม่ และจู่ๆ ระเบิดก็ตกลงมา แม่ของเธอผลักให้เธอลงไปอยู่กับพื้นของรถ โดยดักเวิร์ธกล่าวว่า “เพื่อที่เธอจะไม่ต้องเห็นเลือด”
เอเอฟพีรายงานว่า ครอบครัวของดักเวิร์ธนั้น ยากจนถึงขั้นเกือบไร้ที่อยู่ เมื่อเธออยู่ในช่วงวัยรุ่นและต้องย้ายไปอาศัยที่รัฐฮาวาย โดยแฟรงก์พ่อของเธอกลายเป็นคนว่างงาน และทั้งครอบครัวต้องพึ่งฟูดสแตมป์ของรัฐบาลสหรัฐฯเพื่อให้มีอาหารทานแต่ละมื้อ
ดักเวิร์ธเข้าร่วมกองทัพสหรัฐฯในปี 2004 และชนะเลือกตั้งสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯปี 2012 และอีก 4 ปี ถัดมาเธอได้รับเลือกให้เป็น ส.ว.รัฐอิลลินอยส์
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สกล่าวถึง ดักเวิร์ธว่า เธอเหมือนไบเดนในแง่เป็นเดโมแครตสายกลาง ท่ามกลางการผงาดขึ้นมาของสายโปรเกรสซีฟในเวลานี้ ดักเวิร์ธที่ถือเป็น “วีรบุรุษสงคราม” ได้เคยกล่าวถึงทหารสหรัฐฯว่า “เหตุใดกองกำลังสหรัฐฯจึงต้องกลับบ้านมาพร้อมกับความทุกข์ทรมานที่เลวร้าย รอดชีวิต และเติบโต แต่เหตุใดมีบางส่วนกลับมาและทำการปลิดชีวิตตัวเอง”
และเธอกล่าวต่อว่า “คุณสามารถพูดได้ว่าดิฉันเป็นตัวอย่างของความสำเร็จที่สามารถรอดมาได้จากความทุกข์ทรมานที่เลวร้าย แต่นั่นมันไม่ง่าย และนั่นดิฉันคิดว่าเป็นสิ่งที่ดิฉันและรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไบเดน มีร่วมกัน เราทั้งคู่ต่างสามารถเผชิญหน้าต่อปิศาจ พวกเราสามารถเผชิญหน้าต่อความกลัว ความสงสัย และจากทั้งหมด พวกเรายังคงอยู่ที่นี่ แต่เราทั้งคู่ต่างรู้ว่ามันไม่ง่ายเลย”